บทความ
แฟลช กรุ๊ป, อนันดา และ บิทคับ ร่วมต่อลมหายใจผู้ป่วยโควิด-19 มอบเครื่องช่วยหายใจ High flow 30 เครื่อง รวมมูลค่ากว่า 6 ล้านบาท แก่โรงพยาบาลที่ขาดแคลน
แฟลช กรุ๊ป, อนันดา และ บิทคับ ร่วมบริจาคเครื่องช่วยหายใจแบบ High Flow จำนวน 30 เครื่อง กระจายสู่โรงพยาบาลที่ยังขาดแคลนเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ รวม 15 แห่ง เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีภาวะการหายใจล้มเหลวจากภาวะบกพร่องออกซิเจน ซึ่งมีความจำเป็นที่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจชนิด High Flow อย่างเร่งด่วน
นายคมสันต์ ลี ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มธุรกิจแฟลช (Flash Group) ผู้ให้บริการ E-commerce แบบครบวงจร ซึ่งเป็นผู้ริเริ่มโครงการบริจาคในครั้งนี้ ได้กล่าวถึงสถานการณ์โควิด-19 ว่าตลอดระยะเวลาที่เกิดการแพร่ระบาดที่ผ่านมานั้น แฟลชกรุ๊ปได้ให้ความช่วยเหลือสังคมไทยทั้งในส่วนการบริจาคเงินสมทบทุนช่วยเหลือในโครงการต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนสถานการณ์โควิด-19 ของประเทศไทย รวมถึงการมอบเครื่องช่วยหายใจผ่านมูลนิธิต่าง ๆ ล่าสุดยังได้มีการสมทบทุนมอบเครื่องตรวจ Rapid test เพื่อแจกจ่ายไปยังพี่น้องคนไทยที่เป็นกลุ่มเสี่ยง ในส่วนของการมอบเครื่องช่วยหายใจแบบ High flow ครั้งนี้ เนื่องด้วยเล็งเห็นถึงความต้องการของโรงพยาบาลที่ประสบปัญหาขาดแคลนเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์อยู่มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเครื่องช่วยหายใจสำหรับผู้ป่วยที่อาการค่อนข้างหนักจนไม่สามารถหายใจได้ด้วยตนเอง อุปกรณ์เหล่านี้ยังมีราคาค่อนข้างสูง จึงได้ชักชวนพันธมิตรอย่างอนันดาและบิทคับ เข้ามาร่วมทำโครงการดังกล่าวด้วยกัน “ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่า แฟลช กรุ๊ป จะเป็นอีกหนึ่งบริษัทที่สามารถส่งต่อความช่วยเหลือบางส่วนไปสู่สังคมไทยให้สามารถต่อสู้กับสถานการณ์โควิด-19 เพื่อให้ทุกคนได้กลับมาใช้ชีวิตอย่างปกติโดยเร็ว ผมและทีมงานแฟลช ขอร่วมส่งกำลังใจส่งให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ทุกท่านที่กำลังทำงานอย่างหนักในการดูแลผู้ป่วยในขณะนี้ รวมถึงครอบครัวของผู้ป่วยทุกคนให้พวกเขามีอาการที่ดีขึ้นในเร็ววัน พวกเราในฐานะภาคเอกชนยินดี และพร้อมที่จะสนับสนุน ให้ความช่วยเหลือพี่น้องคนไทยอย่างเต็มที่ และหวังว่าสถานการณ์ทุกอย่างจะกลับไปสู่สภาวะปกติในไม่ช้า” นายคมสันต์ กล่าว
ด้านนายชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกใหม่ ทำให้มีผู้ติดเชื้อขยายวงกว้าง และมีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ป่วยโควิด-19 ที่กำลังอยู่ในภาวะวิกฤตไม่สามารถหายใจด้วยตัวเองได้ยิ่งเพิ่มจำนวนมากขึ้นในแต่ละวัน ความต้องการเครื่องผลิตออกซิเจนเพื่อช่วยหายใจก็มากขึ้นตามไปด้วย ซึ่งในปัจจุบัน แต่ละโรงพยาบาลมีอุปกรณ์ไม่เพียงพอรองรับคนไข้กลุ่มนี้ อนันดาฯ จึงขอร่วมส่งพลังแห่งความห่วงใยด้วยการสนับสนุนอุปกรณ์ทางการแพทย์ โดยบริจาคเครื่องช่วยหายใจแบบ High flow ให้แก่โรงพยาบาลของรัฐที่ขาดแคลน รวมทั้งสิ้น 30 เครื่อง มูลค่า 6 ล้านบาท เพื่อแสดงถึงความตั้งใจในการรับผิดชอบด้านสาธารณสุขต่อสังคมและช่วยต่อลมหายใจแก่ผู้ป่วยโควิด-19 ที่อาการอยู่ในขั้นวิกฤตได้อย่างทันท่วงที เพราะอนันดาฯ เล็งเห็นถึงความสำคัญของทุกชีวิตและทุกครอบครัวที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตการณ์ครั้งนี้
ด้านนายจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด กล่าวปิดท้ายว่า “ในฐานะธุรกิจสตาร์ทอัพที่สามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็วนั้นเกิดจากการให้โอกาสและการสนับสนุนของลูกค้าและประชาชน เมื่อบริษัทในเครือของเราได้เติบโตแล้วจึงอยากตอบแทนสังคมกลับบ้าง ซึ่งที่ผ่านมานั้นทางกลุ่มบริษัทบิทคับได้ออกบริจาคอาหาร ข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็น แก่ผู้ได้รับความเดือดร้อน และได้บริจาคชุด PPE หน้ากากอนามัย ชุดเครื่องนอนสำหรับเตียงผู้ป่วยให้แก่โรงพยาบาลไปบ้างแล้ว แต่พบว่าการเดินคนเดียวนั้นไม่สู้การร่วมมือกับผู้อื่นเพื่อสร้างเครือข่ายให้เกิดความร่วมมือกันเพื่อกระจายความช่วยเหลือให้มากที่สุด รวมถึงต้องการสร้างการรับรู้ให้ผู้ประกอบการด้วยกันที่พอมีกำลังได้ออกมาร่วมช่วยเหลือผู้ที่ได้รับความลำบากในขณะนี้ และตนเองยังได้ชวนพาร์ทเนอร์ รวมถึงอินฟลูเอนเซอร์ต่าง ๆ ที่ร่วมงานกับบิทคับ ให้มาระดมความคิดเพื่อสร้างสรรค์วิธีการช่วยเหลือผู้คนตามวิธีการหรือความสามารถที่แต่ละคนถนัด โดยอาจไม่ต้องบริจาคเป็นเงินก็ได้ ซึ่งในอนาคตอันนี้ใกล้นี้ บิทคับจะเป็นผู้นำในการสร้าง Donation Platform ที่ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนอยู่เบื้องหลัง เพื่อให้มูลนิธิต่าง ๆ สามารถรับบริจาคได้ง่าย สะดวกรวดเร็ว และโปร่งใสขึ้น กลุ่มบิทคับยังมีแผนระยะยาวที่จะช่วยเหลือสังคมในการสร้างโอกาสในด้านต่าง ๆ อีกต่อไป”
สุดท้ายนี้ แฟลช กรุ๊ป, อนันดา และบิทคับ ขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการส่งกำลังใจให้บุคลากรทางการแพทย์ที่ทุ่มเท เสียสละ อดทน และทำงานอย่างหนัก รวมถึงคนไทยทั่วประเทศ ขอให้ทุกคนปลอดภัย และจับมือก้าวผ่านสถานการณ์นี้ไปด้วยกัน
ที่มา:
Medium