บทความ
LUNA 2.0 คืออะไร ผู้เชี่ยวชาญมีมุมมองอย่างไร?
หลังจากกลางเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา มูลค่าของ LUNA (Terra) ร่วงลงไปเกือบ 100% โดยมีสาเหตุหลักมาจากช่องโหว่ของกลไกควบคุมมูลค่าโทเคน UST ที่เป็น Algorithmic Stablecoin ตัวหลักของเครือข่าย Terra ประกอบกับตลาดคริปโทฯ ที่อยู่ในช่วงขาลงอยู่แล้ว จึงยิ่งส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนจนมูลค่าของ LUNA ร่วงลงจนแทบจะเป็นศูนย์
อย่างไรก็ตาม ทางผู้พัฒนาเครือข่าย Terra (LUNA) อย่าง Do Kwon ก็ได้ออกมาประกาศแผนกอบกู้เครือข่าย โดยเสนอให้ทำการ Hard Fork แยกออกมาเป็นเครือข่ายใหม่โดยใช้ชื่อ Terra 2.0 และในบทความนี้เราจะมาดูกันว่า Terra 2.0 ต่างจาก Terra เดิมอย่างไร และผู้เชี่ยวชาญมีความเห็นต่อเครือข่ายใหม่นี้อย่างไรบ้าง
เกิดอะไรขึ้นกับ LUNA?
ปฏิเสธไม่ได้ว่าจุดเด่นของ LUNA (Terra) เดิม ก็คือ UST (Terra USD) ที่เป็น Stablecoin แต่นั่นก็เป็นสิ่งที่ทำให้ Terra ประสบความล้มเหลวเช่นกัน
ก่อนอื่นมาดูการทำงานของ UST และ LUNA กันก่อน โดย UST และ LUNA ต่างทำหน้าที่ถ่วงดุลกันและกัน กล่าวคือผู้ถือ UST สามารถนำโทเคนนี้มาแลกและสร้าง (Mint) เป็น LUNA มูลค่า 1 ดอลลาร์ได้เสมอ ไม่ว่าราคา UST จะอยู่ที่เท่าไหร่ กลไกนี้นอกจากจะกระตุ้นให้นักลงทุนอยากซื้อ UST ที่ราคาต่ำกว่า 1 ดอลลาร์เพื่อมาแลกเป็น LUNA มูลค่า 1 ดอลลาร์และทำกำไรจากส่วนต่างแล้ว ยังมีส่วนช่วยทำให้ราคา UST ใกล้เคียงกับ 1 ดอลลาร์อยู่เสมอ
แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคือ UST โดนแรงเทขายอย่างหนัก โดยคาดกันว่ามาจากกลุ่มคนที่ไม่ประสงค์ดีต่อ Terra ประกอบกับการที่ตลาดคริปโทฯ ในภาพรวมอยู่ในขาลง ณ ตอนนั้นอยู่แล้ว ทำให้นักลงทุนที่เสียความเชื่อมั่นพากันเทขายทั้ง LUNA และ UST แถมคนที่ถือ UST ก็พยายามนำ UST ไปแลกเป็น LUNA เพื่อขายทำกำไร ทำให้จำนวน LUNA ยิ่งล้นตลาด เพราะกลไกที่ระบุว่า 1 UST สามารถมาแลกเป็น LUNA มูลค่า 1 ดอลลาร์ได้เสมอ
ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและบ้าคลั่ง จนในที่สุดจำนวน LUNA ก็ล้นตลาด จากปกติ LUNA มีอยู่ในตลาดเป็นจำนวนราว ๆ 350 ล้าน แต่หลังจากเกิดเหตุ จำนวน LUNA ก็ล้นตลาดไปถึง 6 ล้านล้าน หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 1,837,935% !? ด้วยจำนวนที่ล้นตลาดเช่นนี้ ประกอบกับความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่สูญเสียไปแล้ว จึงส่งผลให้ราคา LUNA จะลดลงจนเกือบเป็นศูนย์
Terra 2.0 ต่างจากเดิมอย่างไร?
หลังจากเหตุการณ์ LUNA สร้างความเจ็บปวดแสนสาหัสให้กับนักลงทุนทั่วโลก ทางผู้ก่อตั้ง LUNA อย่าง Do Kwon ก็ได้ออกมาเสนอมาตรการฟื้นฟูเครือข่าย ซึ่งก็คือการ Hard Fork สร้างเครือข่าย Terra ใหม่ ซึ่งก็ได้รับความเห็นชอบจากชุมชนผู้ถือ LUNA และเครือข่ายใหม่ก็เริ่มทำงานไปแล้วเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2022 ที่ผ่านมา
โดยการ Hard Fork ครั้งนี้ เครือข่ายใหม่ที่เกิดขึ้นจะไม่มี Stablecoin อย่าง UST ในเครือข่ายใหม่ และไม่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายเก่า ส่วนเครือข่ายเก่าจะยังคงอยู่แต่เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น Terra Classic และเปลี่ยนชื่อเหรียญเป็น Luna Classic (LUNC)
ผู้เชี่ยวชาญมีมุมมองต่อ LUNA 2.0 อย่างไร
*เนื้อหาต่อไปนี้เป็นนำเสนอมุมมองของผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น ไม่ใช่คำแนะนำการลงทุนแต่อย่างใด*
หลังจากที่เครือข่าย Terra 2.0 เริ่มทำงาน และเหรียญ LUNA 2.0 ถูกแจกจ่ายให้นักลงทุนบางส่วนแล้ว ข้อมูลจาก Coinmarketcap ณ วันที่ 30 พฤษภาคม 2565 แสดงให้เห็นว่ามูลค่า LUNA เหรียญใหม่ลดลงอย่างรุนแรงจากราคาเริ่มต้นที่ประมาณ 600 บาท ลงไปแถว 198 บาท หรือประมาณ -67% ภายในเวลาไม่ถึง 2 วัน แสดงให้เห็นว่านักลงทุนส่วนหนึ่งพากันเทขายเหรียญทันทีหลังจากได้รับเหรียญ โดยอาจเป็นไปได้ว่าส่วนหนึ่งอาจขายเพราะสูญเสียความเชื่อมั่นในเครือข่าย ส่วนหนึ่งอาจต้องการขายเพื่อคืนทุนที่เสียไปกลับมา
สำหรับมุมมองของผู้เชี่ยวชาญในวงการที่กล่าวเกี่ยวกับ LUNA 2.0 หรือเครือข่ายใหม่ มีตัวอย่างที่น่าสนใจดังนี้
Changpeng Zhao, CEO ของ Binance เคยแชร์มุมมองเกี่ยวกับ Terra 2.0 ไว้เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2022 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเวลาไม่กี่ชั่วโมงหลังจาก Do Kwon เผยแผน Hard Fork Terra โดยมีใจความสำคัญว่า “มันจะไม่ได้ผล การ Hard Fork เหรียญใหม่ออกมาไม่ได้ช่วยให้เหรียญใหม่มีคุณค่า” และ “การสร้างเหรียญใหม่ออกมาแบบนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับการพิมพ์เงินเพิ่ม และจะยิ่งด้อยค่าเหรียญเก่าที่มีอยู่แล้วลงไปอีก”
Vitalik Buterin, ผู้ก่อตั้งเครือข่าย Ethereum, แม้จะไม่ได้กล่าวเกี่ยวกับเครือข่ายใหม่ของ Terra แต่ Vitalik กล่าวถึงข้อบกพร่องของ UST โดยมีใจความว่า “UST หรือ Algostable (Algorithmic Stablecoin) เป็นเพียงคำโฆษณาชวนเชื่อสำหรับเหรียญที่ไม่มีสินทรัพย์ค้ำประกันจริง โดยเป็นความพยายามนำเหรียญเหล่านี้มาอยู่ในกลุ่มเดียวกับ Stablecoin ที่มีสินทรัพย์ค้ำประกันอย่าง DAI และ RAI”
นอกจากนี้ Vitalik ยังเคยกล่าวถึง Anchor ที่เป็น DeFi ตัวหลักตัวหนึ่งบน Terra ที่มีการโฆษณาว่าให้ผลตอบแทน 20% สำหรับผู้ที่นำ LUNA มาล็อก (Stake) ไว้ โดย Vitalik กล่าวว่า “การลงทุนที่แท้จริง ไม่มีสิ่งใดสามารถการันตรีผลตอบแทนได้”
อีกหนึ่งประเด็นที่น่าสนใจ คือก่อนที่ Do Kwon จะนำข้อเสนอเกี่ยวกับการสร้างเครือข่ายใหม่ไปให้ผู้คนมาร่วมโหวตว่าสนับสนุนหรือไม่อย่างเป็นทางการ ทางฟอรัมของ Terra ก็มีโพลอย่างไม่เป็นทางการออกมาให้ผู้คนร่วมแสดงความคิดเห็นเช่นกัน โดยส่วนใหญ่กว่า 90% “ไม่เห็นด้วย” กับการ Hard Fork แต่สนับสนุนให้ทำการเผาเหรียญ LUNA ที่มีล้นตลาดออกไปเสีย แต่นี่เป็นเพียงโพลสำรวจแบบไม่เป็นทางการที่ใครก็สามารถมาร่วมแสดงความเห็นได้ ขณะที่โพลแบบเป็นทางการเปิดให้เฉพาะผู้ที่ล็อกเหรียญ LUNA สามารถมาร่วมโหวตได้ และผลทางการก็ออกมาเป็น “เห็นด้วย” กับการ Hard Fork
สรุป
สิ่งที่ Terra 2.0 หรือ LUNA ตัวใหม่แตกต่างไปจากตัวเดิม คือการที่เครือข่ายใหม่จะไม่มี UST ที่เป็น Algorithm Stablecoin และเป็นช่องโหว่ของเครือข่ายเก่าอีกต่อไป อย่างไรก็ตาม ถ้าไม่นับผู้คนที่เชื่อมั่นใน LUNA จริง ๆ กระแสส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับการสร้างเครือข่ายใหม่ โดยมองว่าจะไม่สามารถช่วยแก้ปัญหาได้ จึงต้องจับตากันต่อไปว่า Terra 2.0 จะเดินเกมอย่างไรต่อ
อ้างอิง AltcoinBuzz, Business Insider, Crypto Briefing, Decrypt
เปิดบัญชีและเริ่มลงทุนคริปโทเคอร์เรนซีกับ Bitkub Exchange เลย: https://www.bitkub.com/signup
*การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ควรศึกษาและทำความเข้าใจก่อนลงทุน