บทความ
รู้จัก Bitcoin Cash เหรียญที่ Hard Fork มาจาก Bitcoin
นับตั้งแต่ถูก Hard Fork ออกมาเมื่อเดือนสิงหาคม ปี 2017 มูลค่าของ Bitcoin Cash (BCH) ก็สามารถเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนมีมูลค่าตลาดรวมมากกว่า 4.6 พันล้านดอลลาร์ และติดอันดับ Top 20 ของสกุลเงินดิจิทัลที่มีมูลค่าตลาดสูงสุด (ข้อมูลจาก Coinmarketcap ณ วันที่ 2 สิงหาคม 2023)
ทำไม Bitcoin Cash จึงได้รับความสนใจล้นหลามเช่นนี้ ทำไมถึงชื่อเหมือน Bitcoin การ Hard Fork คืออะไรกันแน่? Bitkub Blog จะมาสรุปเกี่ยวกับ Bitcoin Cash ให้ในบทความนี้เอง
Bitcoin Cash คืออะไร?
Bitcoin Cash หรือ BCH คือสกุลเงินดิจิทัลแบบกระจายอำนาจที่ทำงานอยู่บนระบบบล็อกเชน เช่นเดียวกับ Bitcoin (BTC) ทำให้การทำธุรกรรมด้วย Bitcoin Cash สามารถเกิดขึ้นได้โดยไม่จำเป็นต้องผ่านตัวกลาง ในขณะเดียวกันก็มีทั้งความปลอดภัยและความโปร่งใส อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ Bitcoin Cash แตกต่างจาก Bitcoin คือมันถูกออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาด้านการขยายขนาด (Scalability) ที่ Bitcoin กำลังเผชิญ
รู้จักการ Hard Fork
Hard Fork คือการเเยกเครือข่ายบล็อกเชนออกจากเครือข่ายเดิม ทำได้โดยการแก้ไขชุดคำสั่งของบล็อกเชนให้เเตกต่างไปจากเดิม มีจุดประสงค์เพื่อพัฒนาเครือข่ายให้ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม เมื่อเกิดการ Hard Fork แล้ว เครือข่ายที่เกิดขึ้นใหม่จะไม่สามารถทำงานร่วมกับเครือข่ายเดิมได้อีก เหมือนในกรณีของ Bitcoin กับ Bitcoin Cash นั่นเอง
ไม่ใช่แค่ Bitcoin Cash ที่ถูก Hard Fork ออกมาจาก Bitcoin เท่านั้น Bitcoin Cash เองก็เคยถูก Hard Fork ออกมาเป็น Bitcoin SV (BSV) หรือแม้แต่ Ethereum ก็เคยมีการ Hard Fork ครั้งสำคัญที่ทำให้เกิดเป็น Ethereum (ETH) กับ Ethereum Classic (ETC) เป็นต้น
โดยส่วนใหญ่แล้วการ Hard Fork มักจะเกิดขึ้นจากความคิดเห็นที่แตกต่างกันภายในชุมชนของเหรียญนั้น ๆ เช่น ส่วนหนึ่งอยากให้พัฒนาในจุดนี้ แต่อีกส่วนหนึ่งไม่เห็นด้วย เมื่อความเห็นต่างกันเกินไปบางครั้งนักพัฒนาก็แยกตัวออกมาพัฒนาตามวิสัยทัศน์ของตัวเอง และเหรียญที่เกิดขึ้นในกรณีเช่นนี้ก็มักจะเป็นเหรียญใหม่ที่ไม่เกี่ยวข้องกับเหรียญเก่าแม้จะมีชื่อคล้ายกันก็ตาม
อย่างไรก็ตาม หากติดตามข่าวสารในช่วงไม่กี่ปีมานี้ เราก็อาจจะเคยเห็นบางเหรียญมีข่าวทำ Hard Fork เพื่ออัปเกรดระบบ เช่น Ethereum มีการทำ Shanghai Hard Fork หรือ Cardano มี Vasil Hard Fork แต่การ Hard Fork เหล่านี้ไม่ได้เกิดจากความเห็นที่แตกแยกกันภายในชุมชน แต่เกิดขึ้นเพื่ออัปเกรดระบบ ทำให้การ Hard Fork ในกรณีเช่นนี้ไม่มีเหรียญใหม่เกิดขึ้นตามมาด้วย
Bitcoin Cash ต่างจาก Bitcoin อย่างไร?
Bitcoin Cash มีจุดเริ่มต้นมาจากความคิดเห็นที่แตกต่างกันภายในชุมชน Bitcoin โดยนักพัฒนาส่วนหนึ่งต้องการแก้ปัญหาด้านการขยายขนาดของ Bitcoin เนื่องจากพวกเขามองว่าการทำธุรกรรมช้าและมีค่าธรรมเนียมสูง นักพัฒนากลุ่มนั้นจึงทำการสร้างเครือข่ายใหม่แยกออกมาจาก Bitcoin ผ่านการทำ Hard Fork
นั่นจึงทำให้ Bitcoin Cash มีพื้นฐานเหมือนกับ Bitcoin แทบทุกประการ ตั้งแต่วิธีการเข้ารหัส อุปทานเหรียญสูงสุดที่ 21 ล้านเหรียญ เวลาในการสร้างบล็อก ระบบ Proof-of-Work รวมไปถึงการ Halving สิ่งที่แตกต่างคือขนาดของบล็อก (Block size) จากเดิมที่ Bitcoin มีขนาดบล็อก 1 MB ก็ถูกเพิ่มเป็น 8–32 MB สำหรับ Bitcoin Cash
ขนาดของบล็อกที่เพิ่มขึ้น ตามทฤษฎีแล้วน่าจะทำให้สามารถบันทึกจำนวนธุรกรรมลงไปในบล็อกได้มากขึ้น การประมวลผลธุรกรรมก็จะเร็วขึ้นและมีค่าธรรมเนียมที่น้อยลง ซึ่งเป็นวิสัยทัศน์ในการแก้ปัญหาการขยายขนาดของเครือข่าย Bitcoin Cash นั่นเอง
อีกจุดที่ Bitcoin Cash แตกต่างจาก Bitcoin คือการไม่ได้นำระบบ Segregated Witness (SegWit) มาใช้ร่วมด้วย ซึ่ง SegWit เป็นระบบที่ถูกเสนอขึ้นเพื่อทำให้สามารถเพิ่มจำนวนธุรกรรมลงในบล็อกได้มากขึ้น ผ่านการเก็บข้อมูลเฉพาะ Metadata ที่เกี่ยวกับธุรกรรมลงในบล็อก เมื่อไม่ได้ใช้ SegWit หมายความว่าข้อมูลทุกอย่างที่เกี่ยวกับธุรกรรมก็จะถูกบันทึกลงในบล็อกด้วย
ใครเป็นคนสร้าง Bitcoin Cash
Bitcoin Cash ไม่ได้เกิดขึ้นจากฝีมือของใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นผลงานจากความร่วมมือกันของนักพัฒนาหลายคนในวงการคริปโทเคอร์เรนซี ณ ตอนนั้น โดยมีคนที่เด่น ๆ ได้แก่ Roger Ver และ Jihan Wu เป็นต้น
สรุป
Bitcoin Cash เป็นเครือข่ายบล็อกเชนที่ถูก Hard Fork ออกมาจาก Bitcoin จึงกลายเป็นเหรียญใหม่ที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกัน แม้พื้นฐานหลาย ๆ อย่างจะยังคงเหมือนกัน เช่น อุปทานเหรียญสูงสุดที่ 21 ล้านเหรียญ ก ระบบ Proof-of-Work การ Halving ฯลฯ สิ่งที่แตกต่างกันคือ Bitcoin Cash เพิ่มขนาดบล็อกจากเดิม 1 MB เป็น 8–32 MB ซึ่งตามทฤษฎีแล้วน่าจะทำให้แต่บล็อกสามารถรองรับจำนวนธุรกรรมได้มากขึ้น และลดค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมลงได้
อ้างอิง: Coinmarketcap, Cointelegraph
_________________________________________
บทความ Bitkub Blog ที่คุณอาจสนใจ
ทำความเข้าใจ Bitcoin คืออะไร? ภายใน 3 นาที
Blockchain คืออะไร เป็นเทคโนโลยีที่จะเข้ามาเปลี่ยนโลกหรือเปล่า?
รู้จัก Ethereum คริปโทที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับต้นๆ ของโลก
ปรากฏการณ์ Bitcoin Halving คืออะไร?
_________________________________________
มาเรียนรู้เรื่อง บิตคอยน์ (Bitcoin) และ Cryptocurrency ที่จะช่วยให้คุณเข้าใจโลกของคริปโทฯ ได้ดีขึ้น ที่ Bitkub Blog
หากคุณยังเป็นมือใหม่ ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ในบทความ “แหล่งความรู้ มือใหม่หัดเทรดคริปโต เริ่มต้นที่นี่”
*คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจํานวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
**สินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยง โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
***ผลตอบแทนของสินทรัพย์ดิจิทัลในอดีตหรือผลการดําเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลตอบแทน ของสินทรัพย์ดิจิทัลหรือผลการดําเนินงานในอนาคต”
_________________________________________
Get to know Bitcoin Cash: a coin that originated from a Hard Fork of Bitcoin.
Since its Hard Fork in August 2017, the value of Bitcoin Cash (BCH) has continuously grown. It has a market capitalization of over 4.6 billion dollars and is ranked in the Top 20 of cryptocurrencies with the highest market value (data from Coinmarketcap as of August 2, 2023).
Why has Bitcoin Cash garnered such immense interest? Why does it share a name with Bitcoin? What exactly is a Hard Fork? In this article, the Bitkub Blog will summarize the details about Bitcoin Cash.
What is Bitcoin Cash?
Bitcoin Cash, abbreviated as BCH, is a decentralized digital currency that operates on a blockchain system, much like Bitcoin (BTC). This enables transactions using Bitcoin Cash to occur without the need for intermediaries, ensuring both security and transparency. However, what sets Bitcoin Cash apart from Bitcoin is that it was designed to address scalability issues that Bitcoin was facing.
Understanding Hard Forks
A Hard Fork is the process of splitting a blockchain network from its original network. This is achieved by modifying the blockchain’s set of instructions to create differences from the original. The purpose behind a Hard Fork is to improve and develop the network. Once a Hard Fork occurs, the newly formed network cannot function alongside the original network, as seen in the case of Bitcoin and Bitcoin Cash.
It’s not only Bitcoin Cash that emerged from a Hard Fork of Bitcoin. Bitcoin Cash itself experienced a Hard Fork, resulting in Bitcoin SV (BSV). Ethereum also underwent a significant Hard Fork, leading to the creation of Ethereum (ETH) and Ethereum Classic (ETC), for example.
In general, Hard Forks often arise from differing opinions within a coin’s community. Some members might want development to go in one direction, while others disagree. When disagreements become significant, developers might split off to pursue their own vision. Coins resulting from such scenarios are usually new and separate from the original, even if their names might be similar.
However, over the past few years, you may have noticed news of coins undergoing Hard Forks for system upgrades, like Ethereum’s Shanghai Hard Fork or Cardano’s Vasil Hard Fork. These types of Hard Forks aren’t the result of divisive opinions within the community but are implemented to upgrade the system. Consequently, in cases like these, new coins don’t necessarily emerge from the Hard Fork process.
How is Bitcoin Cash Different from Bitcoin?
Bitcoin Cash originated from differing opinions within the Bitcoin community. Some developers believed that Bitcoin’s scalability issues, slow transactions, and high fees needed to be addressed. As a result, a group of developers created a new network through a Hard Fork, resulting in Bitcoin Cash.
This led to Bitcoin Cash sharing a foundation with Bitcoin in nearly every aspect. Elements like encryption methods, the maximum coin supply of 21 million coins, block creation time, the Proof-of-Work consensus mechanism, and even halving events are similar. However, the key difference lies in the block size. While Bitcoin’s blocks are 1 MB in size, Bitcoin Cash increased this to 8–32 MB per block.
The larger block size theoretically allows for more transactions to be recorded in each block. This speeds up transaction processing and reduces transaction fees, addressing the scalability issue that Bitcoin Cash aimed to solve.
Another point of distinction is that Bitcoin Cash did not adopt the Segregated Witness (SegWit) system. SegWit was proposed to increase the number of transactions in a block by storing specific metadata about transactions outside of the main block. Not implementing SegWit means that all transaction-related data is recorded directly within the block for Bitcoin Cash.
Who Created Bitcoin Cash?
Bitcoin Cash was not created by any single individual but rather the result of collaboration among several developers in the cryptocurrency community at that time. Notable figures involved include Roger Ver and Jihan Wu, among others.
Summary
Bitcoin Cash is a blockchain network that emerged from a Hard Fork of Bitcoin, making it a distinct coin with some shared foundational elements. While many aspects are similar, such as the maximum coin supply of 21 million coins, Proof-of-Work consensus mechanism, and halving events, the key difference lies in Bitcoin Cash’s larger block size, increased from the original 1 MB to 8–32 MB. This larger block size theoretically allows for more transactions to be accommodated in each block and reduces transaction fees.
Reference: Coinmarketcap, Cointelegraph
_________________________________________
-Cryptocurrency and digital tokens involve high risks; investors may lose all investment money and should study information carefully and make investments according to their own risk profile.
-Digital assets involve risks; investors should study information carefully and make investments according to their own risk profile.
-Returns/Past Performance does not guarantee future returns/performance.
ที่มา:
Medium