บทความ
ความสำคัญของ Trading Volume มีผลต่อการเทรดอย่างไร?
ในการซื้อขายสินทรัพย์ เทรดเดอร์ที่ดีไม่ควรดูแค่เรื่องของราคาเท่านั้น อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กันนั่นก็คือเรื่องของปริมาณการซื้อขาย หรือ Trading Volume นั่นเอง ในบทความนี้เราจะมาทำความเข้าใจกันว่า Trading Volume นั้นสำคัญอย่างไร และวิเคราะห์ได้อย่างไร?
Trading Volume คืออะไร?
Trading Volume หรือปริมาณการซื้อขาย เทียบง่ายๆก็คือความคึกคักของตลาด ไม่ว่าจะเป็นหุ้น พันธบัตร อนุพันธ์ หรือแม้แต่คริปโทเคอร์เรนซี ตลาดที่มีความคึกคักมากก็เหมือนกับตลาดที่มีคนซื้อคนขายเยอะ ทำให้การซื้อขายเป็นไปได้อย่างคล่องตัว หรือที่เรียกกันว่าสภาพคล่องนั่นเอง
ดู Trading Volume อย่างไร?
โดยทั่วไปแล้ว แอปพลิเคชั่นในการเทรดส่วนใหญ่จะมีกราฟแสดงปริมาณการซื้อขายหรือ Trading Volume ปรากฏอยู่ด้านล่างของราคา ตามภาพประกอบด้านล่างนี้
กราฟ Trading Volume ถือเป็น Indicator รูปแบบหนึ่งที่สรุปปริมาณการซื้อขายในแต่ละช่วงออกมาเป็นรูปแบบที่เข้าใจง่าย โดยสามารถอธิบายกราฟได้ดังนี้
1.ความสูงของแท่งกราฟ = ปริมาณการซื้อขาย ยิ่งกราฟแท่งสูงเท่าไหร่ ปริมาณซื้อขายในช่วงนั้นก็สูงเท่านั้น
2.แท่งสีเขียว = ปริมาณคำสั่ง “ซื้อ” มีสูงกว่าคำสั่ง “ขาย” ในช่วงเวลาของกราฟแท่งนั้นๆ
3.แท่งสีแดง = ปริมาณคำสั่ง “ขาย” มีสูงกว่าคำสั่ง “ซื้อ” ในช่วงเวลาของกราฟแท่งนั้นๆ
การวิเคราะห์ Trading Volume
หากต้องการซื้อสินทรัพย์ใดสินทรัพย์หนึ่ง นอกจากการดูเทรนราคาแล้ว นักเทรดที่ดีควรพิจารณาจากปริมาณซื้อขายด้วยเช่นกัน โดยส่วนใหญ่แล้ว ปริมาณการซื้อขายมักจะใช้วิเคราะห์เพื่อยืนยันทิศทางของราคาตามตัวอย่างดังต่อไปนี้
1.ยืนยันเทรน — สินทรัพย์ที่อยู่ในช่วงในช่วงขาขึ้น ควรมีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยที่สูงขึ้นตาม เนื่องขจากเป็นการสะท้อนถึงความสนใจของตลาดที่มีต่อสินทรัพย์นั้นๆ แต่ถ้าราคาสูงขึ้นแต่ปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยลดลงก็อาจเป็นสัญญาณว่าเทรนราคาอาจเริ่มหมดกำลังหรือเกิดการกลับตัวได้
2.ความอ่อนแรงของเทรน — หากสินทรัพย์กำลังอยู่ในช่วงขาขึ้นหรือขาลงที่ชัดเจน ในช่วงที่เกิดการเคลื่อนไหวของราคาที่รุนแรง พร้อมกับปริมาณซื้อขายที่สูงกว่าปกติ มีความเป็นไปได้ที่ทิศทางขาขึ้นหรือขาลงจะเริ่มอ่อนแรงตามมา
ความสำคัญของ Trading Volume
Trading Volume มีความสำคัญโดยตรงกับการซื้อขายสินทรัพย์แต่ละประเภท อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น สินทรัพย์ที่มี Trading Volume สูงก็เปรียบเสมือนกับตลาดที่มีคนเยอะ การซื้อขายก็เป็นไปได้อย่างคล่องตัวมากขึ้น หรือเรียกว่ามีสภาพคล่องสูง
ในทางกลับกัน สินทรัพย์ที่มี Trading Volume ในระดับต่ำ ก็เหมือนกับตลาดที่มีคนน้อย โอกาสที่จะขายหรือซื้อสินทรัพย์ในปริมาณที่ต้องการก็จะต่ำลงด้วยเช่นกัน หรือที่เรียกว่าสภาพคล่องต่ำนั่นเอง
นอกจากนี้ สินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูงมักจะมีความผันผวนของราคาที่ต่ำ เนื่องจากช่องว่างระหว่างคำสั่งซื้อหรือขายในแต่ละช่วงราคาจะค่อนข้างแคบ ยกตัวอย่างเช่น หากคำสั่งขายที่ใกล้ราคาปัจจุบันที่สุด คือ 10 บาท ถัดมาคือ 11, 12, 13 จะเห็นได้ว่าช่องว่างระหว่างราคามีไม่กว้างมากนัก จึงทำให้ราคาไม่ค่อยมีการกระโดดข้ามราคา
อีกด้านหนึ่ง สินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องต่ำมักจะมีราคาที่ผันผวนสูง ยกตัวอย่าง มีคำสั่งขายแรกอยู่ที่ราคา 10 บาท แต่คำสั่งขายถัดไปกลับกระโดดไปที่ 15 บาท จึงอาจทำให้ราคามีการกระโดดไปมาค่อนข้างรุนแรงได้นั่นเอง
สรุป
Trading Volume หรือปริมาณการซื้อขายถือเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่นักเทรดที่ดีควรใช้ในการเลือกสินทรัพย์หรือกระดานซื้อขาย เนื่องจากการมีปริมาณซื้อขายสูง นอกจากจะช่วยในเรื่องของการความผันผวนของราคาที่ต่ำกว่าแล้ว ยังช่วยให้สามารถวิเคราะห์ทิศทางของราคาเพื่อสร้างกลยุทธ์ซื้อขายที่ดีได้อีกด้วย
ที่มา:
Medium