บทความ
ทำความรู้จัก Shanghai Hard Fork
นับว่าเป็นการอัปเกรดที่น่าจับตามองของเครือข่าย Ethereum ในปีนี้เลยก็ว่าได้กับ Shanghai Hard Fork (Shapella) ซึ่งกำลังจะเสร็จสมบูรณ์ในระยะเวลาอันใกล้นี้ บทความนี้จะขอเล่าถึงความสำคัญของ Hard Fork และการอัปเกรดครั้งใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้น
—
Hard Fork คืออะไร?
Hard Fork คือ การที่บล็อกเชนถูกพัฒนาโดยการแยกตัวออกมาเป็นอีกบล็อกเชนหนึ่งอย่างถาวรโดยมีกฎต่าง ๆ ที่ต่างไปจากเดิมบล็อกเชนดั้งเดิม โดยผู้เข้าร่วมหรือนักขุดจะต้องอัปเกรดซอฟต์แวร์สำหรับการใช้งานและตรวจสอบธุรกรรมของบล็อกเชนใหม่นี้ การทำ Hard Fork จะส่งผลและช่วยยกระดับประสิทธิภาพการทำงานของบล็อกเชน ไม่ว่าจะเป็นด้านความปลอดภัย การแก้ไขจุดบกพร่องหรือข้อจำกัดที่มีจากเวอร์ชันก่อนหน้า
การ Fork แบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ Hard Fork และ Soft Fork โดย Soft Fork คือการอัปเกรดที่ยังสามารถทำงานร่วมกับเครือข่ายเดิมได้ ในขณะที่ Hard Fork คือการอัปเกรดที่แยกออกมาเป็นอีกเครือข่ายหนึ่ง โดยไม่สามารถทำงานร่วมกับเครือข่ายเดิมได้เลย
สาเหตุที่ต้องมีการ Hard Fork เพราะว่าในบางครั้งผู้พัฒนาก็ตั้งใจทำเพื่อแยกออกมาเป็นเครือข่ายทดสอบ (Testnet) เพื่อทดสอบการทำงานของฟังก์ชันใหม่ ๆ ก่อนนำไปใช้จริงบนเครือข่ายหลัก (Mainnet) ซึ่งสำคัญมาก เพราะเครือข่ายบล็อกเชนเมื่อได้รับการอัปเกรดแล้วจะไม่สามารถที่จะย้อนกลับไปได้อีก
—
Hard Fork ครั้งก่อนของ Ethereum เป็นอย่างไร?
จากปี 2022 ที่ผ่านมาการอัปเกรดที่ชื่อว่า The Merge ของ Ethereum ได้ประสบความสำเร็จและสร้างผลลัพธ์อย่างเห็นได้ชัดไปเรียบร้อย โดยเฉพาะในแง่ของการใช้พลังงานที่ลดลงอย่างมหาศาลตามข้อมูลที่ Ethereum ได้เผยแพร่สู่สาธารณะเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2022 ที่ผ่านมาว่า Ethereum กลายเป็น Green Blockchain (บล็อกเชนสีเขียว) ที่มีกลไกฉันทามติแบบ Proof-of-Stake ใช้พลังงานไป เพียง ~0.0026 TWh/ปี ซึ่งถือว่าน้อยมาก ๆ เมื่อเปรียบเทียบกับเครือข่ายอื่นทั่วโลก จึงทำให้ The Merge ไม่ได้เป็นเพียงเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์ของ Ethereum เท่านั้น แต่ยังมีความสำคัญในประวัติศาสตร์ของเทคโนโลยี Blockchain ด้วย
—
ทำความรู้จัก Shanghai Hard Fork (Shapella)
Shanghai Hard Fork มีชื่ออย่างเป็นทางการคือ Ethereum Improvement Proposal 4895 เป็นการพัฒนาระบบของ Ethereum โดยคำว่า “Shanghai” หรือ “เซี่ยงไฮ้” เป็นชื่อที่ตั้งให้สอดคล้องกับชื่อตามเมืองเจ้าภาพการประชุม การ Hard Fork ของ Ethereum ที่เคยเกิดขึ้นแล้วคือ Berlin Hard Fork และ London Hard Fork ส่วน Shanghai Hard Fork คือการอัปเกรดที่กำลังจะเกิดขึ้นในช่วงเวลาอันใกล้นี้
จากครั้ง The Merge ที่ทาง Ethereum ได้มีการเปลี่ยนระบบ Proof-of-Work (PoW) ที่ใช้พลังงานมหาศาลไปเป็นระบบ Proof-of-Stake (PoS) ที่ลดการใช้พลังงานได้เป็นอย่างมากที่ผ่านมา ทำให้การ Hard Fork ในครั้งนี้ถือเป็นการเข้าสู่ PoS อย่างเต็มรูปแบบ
Ethereum Foundation กล่าวว่า เพื่อตรวจสอบการทำธุรกรรมบนเครือข่าย ผู้พัฒนาก็ได้วางโครงสร้างการอัปเกรดด้วยวิธีนี้เพื่อลดความซับซ้อนและเป็นการเพิ่มจุดสนใจในการโอนย้ายไปที่ Proof-of-Stake เพราะจะส่งผลดีให้ผู้ใช้ stETH สามารถถอนเงินของพวกเขารวมถึงรางวัล staking ที่เกี่ยวข้องได้ การถอนเหรียญบน Ethereum 2.0 อาจมีค่าธรรมเนียมที่ถูกลง แต่ยังมีประเด็นที่สำคัญที่หลายคนกังวลใจกันนั่นก็คือ จำนวน stETH ที่ถูกล็อคไว้บน Beacon chain ของ Ethereum ในปัจจุบันอาจลดลง ซึ่งถือได้ว่าเป็นจุดที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดจากการ Hard Fork ในครั้งนี้เลยก็ว่าได้ โดยจะทำให้อุปทานของเหรียญ stETH มีมากขึ้น จากการขาย stETH ออกมาเป็นจำนวนมาก โดยทาง Ethereum เองก็ได้มีการกำหนดโปรโตคอลในการเบิกจ่ายไว้ที่ 43,200 ETH ซึ่งน่าจะสามารถหลีกเลี่ยงผลกระทบใด ๆ ที่จะมีต่อราคาของสกุลเงินดิจิทัล หากเกิดเหตุการณ์เป็นไปตามที่นักลงทุนหลายคนกังวลใจ
—
กำหนดการ Shanghai Hard Fork (Shapella)
จากการการประชุม Ethereum Core Developers เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2022 ที่ผ่านมา กลุ่มผู้พัฒนามีการเผยแพร่กำหนดการว่า Shanghai Hard Fork จะเริ่มขึ้นช่วงเดือนมีนา — เมษา 2023 และเมื่อไม่นานมานี้ทางเว็บไซต์อย่างเป็นทางการ https://ethereum.org/en ก็ได้ระบุ Timestamp มาเป็นที่เรียบร้อยว่าการอัปเกรดในครั้งนี้จะแล้วเสร็จ ณ วันที่ 12 เมษายน 2023 เวลา 22:27:35 +UTC หรือช่วงเช้าตรู่ของวันที่ 13 เมษายน ตามเวลาประเทศไทย
ก่อนหน้านี้การอัปเกรดครั้งนี้ได้ถูกเรียกว่า Shanghai ซึ่งจะเป็นจะเป็นการอัปเกรดในฝั่ง Execution Layer แต่เนื่องจากในช่วงวันและเวลาดังกล่าว การอัปเกรดอีกเลเยอร์หนึ่งที่ได้ถูกวางแผนไว้แล้วเช่นเดียวกัน นั่นก็คือ Capella ซึ่งจะเป็นการอัปเกรดในฝั่งของ Consensus Layer และนี่จึงเป็นที่มาของคำว่า “Shapella” ที่นักลงทุนหลายคนจะได้ยินตามข่าวในช่วงเวลาของการอัปเกรดที่ใกล้สำเร็จอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้นั่นเอง
สำหรับนักลงทุนที่กำลังติดตามข่าวการอัปเกรดในครั้งนี้ ควรติดตามข้อมูลและการอัปเดตจากกลุ่มผู้พัฒนาเป็นระยะจากเว็บไซต์ทางการก่อนการตัดสินใจลงทุนด้วย
ส่วนหลังจากการอัปเกรด Shanghai จะมีการอัปเกรดครั้งถัดไปที่เรียกว่า Ethereum Improvement Protocol (EIP) 4844 ซึ่งจะเป็นการเพิ่ม Proto-danksharding ให้กับเครือข่าย และเป็นการอัปเกรดที่จะปรับปรุงความสามารถของเครือข่ายให้สามารถจัดการธุรกรรมได้มากขึ้นด้วย
อ้างอิง: Bitkub Support, Cointelegraph, Bitkub Academy, SiamBlockchain, Investing
ติดตามความรู้เพิ่มเติม ได้ที่ Bitkub หรือ Bitkub Blog ของเรา
มาเรียนรู้เรื่อง บิตคอยน์ (Bitcoin) และ Cryptocurrency ที่จะช่วยให้คุณเข้าใจโลกของคริปโทฯ ได้ดีขึ้น ที่ Bitkub Blog และหากคุณยังเป็นมือใหม่ ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ในบทความ “แหล่งความรู้ มือใหม่หัดเทรดคริปโต เริ่มต้นที่นี่”
_____________________________________________________
คำเตือน:
-คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง คุณอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจํานวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได
-สินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยง โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
-ผลตอบแทนของสินทรัพย์ดิจิทัลในอดีตหรือผลการดําเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลตอบแทน ของสินทรัพย์ดิจิทัลหรือผลการดําเนินงานในอนาคต
-ข้อมูลดังกล่าวไม่ใช่ข้อเสนอการลงทุนหรือการจัดการใด ๆ ของการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล เนื้อหาข้างต้นเป็นการวิเคราะห์แนวโน้มของราคาโดยใช้ข้อมูลในอดีตและเครื่องมือวิเคราะห์ อาจมีการคลาดเคลื่อนได้ นักลงทุนควรศึกษาและทำความเข้าใจก่อนลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล
_____________________________________________________
บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
รู้จักกับ Ethereum สกุลเงินดิจิทัลอันดับ 2 ของโลก
รู้จัก The Merge การรวมร่างที่น่าตื่นเต้นที่สุดในประวัติศาสตร์ Ethereum
รู้หรือไม่ The Merge เป็นแค่ขั้นแรกของแผนพัฒนา Ethereum 2.0
Ethereum 2.0 จุดเปลี่ยนสำคัญของวงการ Blockchain
_____________________________________________________
Get to know the Shanghai Hard Fork
What is Hard Fork?
A hard fork is where a blockchain is developed by a permanent fork of another blockchain with different rules from the original blockchain. Participants or miners will be required to update their software in order to run and verify transactions on the new blockchain. As a result of the hard forking, the blockchain’s performance will improve. Whether it’s for security reasons or to address any bugs or limitations from prior versions.
There are 2 types of forks: hard forks and soft forks. Soft Fork refers to an upgrade that is still compatible with the original network, whereas Hard Fork refers to a separate upgrade to another network that is incompatible with the original network.
A hard fork is needed because developers sometimes want to split it into a test network (Testnet) to test how well new features work before putting them into use on the main network (Mainnet), which is very important because the blockchain network can’t be changed back once it has been upgraded.
—
How did Ethereum’s hard forks work before?
Since 2022, The Merge, Ethereum’s update, has already been successful and given remarkable results. Especially in terms of the huge reduction in energy consumption, according to the information that Ethereum made public on December 23, 2022, Ethereum has become a Green Blockchain with Proof-of-Stake consumes 0.0026 TWh/year, which is very little compared to other networks around the world. This makes “The Merge” not only a milestone in Ethereum’s history but also an important one in Blockchain technology as a whole.
—
Get to know Shanghai Hard Fork (Shapella)
The Shanghai Hard Fork, which is also called Ethereum Improvement Proposal 4895, is an improvement to the Ethereum system. The word “Shanghai” comes from the city that hosted the Ethereum hard fork meeting. There are also the London Hard Fork and the Berlin Hard Fork. The Shanghai Hard Fork is an improvement that is coming up in the near future.
Since The Merge, Ethereum has transformed the system. Proof-of-Work (PoW) which is energy-intensive is introduced into Proof-of-Stake (PoS), which has historically significantly decreased power consumption, making this hard fork a full entry into PoS.
The Ethereum Foundation stated that, in order to verify network transactions, the developers have designed these improvements to simplify and sharpen the migration process and enhance the focus on Proof-of-Stake transfer. Therefore, stETH users will be able to withdraw both their cash and staking incentives.
There may be lower fees to withdraw coins on Ethereum 2.0. But there is a big problem that worries a lot of people: the amount of stETH that is currently locked on Ethereum’s Beacon chain could go down. Which can be considered the point that was most affected by this hard fork. This will increase the supply of stETH by selling large amounts of stETH. Ethereum itself has set a disbursement protocol of 43,200 ETH, which can avoid any impact on the price of cryptocurrencies if an event occurs that many investors are worried about.
—
Schedule Shanghai Hard Fork (Shapella)
At the Ethereum Core Developers Conference held on December 8th, 2022, the developer group published a schedule for the Shanghai Hard Fork to begin in March-April 2023, and recently on the official website, https://ethereum.org/en, it has already stated the timestamp that the upgrade will be completed on April 12, 2023, at 22:27:35 +UTC or early morning on April 13 according to Thailand time.
Previously known as Shanghai, this upgrade will be an Execution Layer upgrade. Another layer upgrade has been planned as well, Capella, which will be an upgrade on the Consensus Layer side, and this is where the term “Shapella” comes from, a word many investors will hear on the news, at the time of the upgrade that is nearing completion in the next few days there.
For investors who are this time paying attention to the upgrade news. Before investing, it is recommended to frequently check the official website of the developers for news and changes.
After the Shanghai upgrade, the Ethereum Improvement Protocol (EIP) 4844 upgrade will be implemented, which will add Proto-dank sharding to the network and increase the network’s capacity to handle more transactions.
References: Bitkub Support, Cointelegraph, Bitkub Academy, SiamBlockchain, Investing
Follow additional knowledge on Bitkub or our Bitkub Blog
Let’s learn about Bitcoin and Cryptocurrency. To help you better understand the world of crypto at Bitkub Blog and if you are a beginner. Find out more in the article.
_____________________________________________________
Disclaimers:
- Cryptocurrency and digital tokens involve high risks; investors may lose all investment money and should study information carefully and make investments according to their own risk profile.
- Digital assets involve risks; investors should study information carefully and make investments according to their own risk profile.
- Returns/Past Performance does not guarantee future returns/performance.
- Such information is not a proposal for investment or a plan for investing in digital assets. The content above uses analytical techniques and historical data to examine price trends. There could be differences. Before investing in digital assets, Investors should study and understand before investing in digital assets.
_____________________________________________________
ที่มา:
Medium