บทความ
รู้จัก 5 Indicator ใช้ง่ายที่ Bitkub Exchange
การคาดเดาว่าราคาของสินทรัพย์จะไปในทิศทางไหนเป็นเรื่องยากสำหรับหลายคน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะคาดเดาไม่ได้เลย ด้วยเหตุนี้ วงการนักเทรดจึงมีการคิดค้นเครื่องมือช่วยวิเคราะห์หรือ Indicator ออกมามากมาย
แต่ด้วยจำนวน Indicator ที่มีให้เลือกมากมายนี้เอง นักเทรดมือใหม่ก็อาจรู้สึกสับสนกันได้ง่าย ๆ ดังนั้นในบทความนี้ Bitkub Blog จะนำนักเทรดมือใหม่ทุกคนมารู้จักกับ Indicator ที่เป็นที่นิยมและได้รับการยอมรับเป็นวงกว้างทั้ง 5 ตัว มีตัวไหนบ้างมาดูกันครับ
1. Relative strength index (RSI)
RSI คือ Indicators ประเภท Momentum Oscillator หรือตัวชี้วัดการแกว่งตัวของราคา ซึ่งสามารถช่วยระบุได้ว่าสินทรัพย์กำลังอยู่ในภาวะใดระหว่าง Overbought (ซื้อมากเกิน) หรือ Oversold (ขายมากเกิน) โดยภาวะ Overbought หรือ Oversold เป็นสัญญาณเตือนว่าราคาอาจเกิดการปรับฐานได้ เช่น หากราคาปรับตัวสูงขึ้นและ RSI เป็นภาวะ Overbought ราคาก็อาจมีโอกาสที่จะย่อตัวลงมา
วิธีดู: หาก RSI ต่ำกว่า 30 จะสะท้อนภาวะ Oversold แต่ถ้าสูงกว่า 70 ก็จะเป็น Overbought โดยกลยุทธ์ที่นิยมใช้กันเมื่อพิจารณาจาก RSI คือ หากเป็น Overbought ให้ขาย และหากเป็น Oversold ให้ซื้อ
2.Moving Average
Moving Average (MA) หรือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนไหว นับเป็น Indicators พื้นฐานที่นักเทรดใช้กันอย่างกว้างขวาง เพราะสามารถใช้วิเคราะห์ทิศทางได้ทั้งระยะสั้นและระยะยาว และถ้าเป็นในแอปฯ Bitkub Exchange เส้น MA จะถูกตั้งเป็นค่าเริ่มต้นเมื่อเปิดกราฟเลย หมายความว่าผู้ใช้ไม่ต้องทำอะไรเพิ่มก็สามารถดูเส้น MA ได้ทันทีเมื่อเปิดแอปฯ
วิธีดู: การดูเส้น MA ให้ดูจากการตัดกันของเส้น MA มากกว่า 2 เส้นขึ้นไป สมมติว่ามีเส้น MA 50 วัน (ระยะสั้น) กับ MA 100 วัน (ระยะยาว) เมื่อ MA ระยะสั้นตัดกับ MA ระยะยาว โดยเส้นระยะสั้นอยู่สูงกว่าจะเป็นสัญญาณขาขึ้น ในทางกลับกัน หากเส้นระยะสั้นตัดกับระยะยาวโดยระยะสั้นอยู่ต่ำกว่าจะสะท้อนถึงทิศทางขาลง เป็นต้น
3.Ichimoku Cloud
Ichimoku Cloud มาจากภาษาญี่ปุ่น Ichimoku แปลว่า One Glance หรือมองเพียงแวบเดียว มันจึงเป็น Indicator ที่แค่มองแวบเดียวก็เข้าใจทิศทางราคาได้เลย โดยมีลักษณะเด่นคือบริเวณสีทึบที่เหมือนกับก้อนเมฆ (Cloud) นั่นเอง
วิธีดู: หากราคาเคลื่อนไหวต่ำกว่าก้อนเมฆจะบ่งชี้ทิศทางขาลง หากราคาอยู่เหนือก้อนเมฆจะสะท้อนทิศทางขาขึ้น และหากราคาอยู่กลางก้อนเมฆหมายถึง Sideways นอกจากนี้ก้อนเมฆยังสามารถบ่งชี้แนวรับ-แนวต้านของราคาได้อีกด้วย
4.Bollinger Band
Bollinger Band ประกอบด้วยเส้นSMA 3 เส้นที่อยู่ด้านบน กลาง และล่างของราคา สามารถใช้วิเคราะห์แนวโน้มและความผันผวนของราคาได้
วิธีดู: หากราคาเคลื่อนไหวใกล้เส้นด้านบน จะบ่งชี้ว่าใกล้เเป็นภาวะ Overbought กลับกัน หากเคลื่อนไหวใกล้เส้นด้านล่างจะบ่งชี้ภาวะ Oversold นอกจากนี้ ระยะห่างของทั้ง 3 เส้นสามารถบ่งชี้ถึงความผันผวนของราคาได้ด้วย หากทั้ง 3 เส้นมีระยะแคบ จะบ่งชี้ว่าราคามีความผันผวนต่ำ กลับกัน ระยะห่างที่กว้างหมายถึงความผันผวนที่สูงขึ้นนั่นเอง
5.Moving Average Convergence Divergence (MACD)
Moving Average Convergence Divergence หรือ MACD เป็นอีกเครื่องมือที่ได้รับความนิยม เพราะสามารถวิเคราะห์ได้ทั้งเทรนด์และโอกาสเกิดการกลับตัวของราคา โดย MACD มีส่วนประกอบสำคัญ ดังนี้
1.MACD Line (Moving Average Convergence Divergence Line): หมายถึงระยะห่างระหว่างเส้น Exponential Moving Averages จำนวน 2 เส้น ซึ่งมักจะเป็นระยะ 12 กับ 26 สามารถช่วยระบุแนวโน้มระยะสั้นและกลางได้
2.Signal Line: เป็นเส้นที่ช่วยสรุป MACD Line ให้ดูง่ายขึ้น โดยนักเทรดสามารถดูเส้นนี้เพื่อหาสัญญาณซื้อขายได้
วิธีดู: เราสามารถดูเส้น MACD ได้ 2 วิธี วิธีแรกคือดูการตัดกัน เมื่อเส้น MACD ตัดขึ้นเหนือ Signal จะเป็นสัญญาณของขาขึ้น แต่ถ้า MACD ตัดลงต่ำกว่า Signal จะเป็นสัญญาณขาลง
อีกวิธีคือดูการ Divergence เมื่อเส้น MACD กับราคาเคลื่อนไหวไปในทิศตรงกันข้ามกัน เช่น เมื่อราคาลงไปทำระดับต่ำสุดใหม่ แต่ MACD กลับเคลื่อนสูงขึ้นก็อาจเป็นสัญญาณกลับเป็นตัวขาขึ้น ในทางกลับกัน หากราคาสูงขึ้นแต่ MACD ต่ำลงก็อาจเป็นสัญญาณกลับตัวเป็นขาลงได้
ส่งท้าย
Indicator เป็นเครื่องมือช่วยวิเคราะห์ราคาที่นำข้อมูลในอดีตมาคำนวณและนำเสนอออกมาในรูปแบบเส้นที่สามารถทำความเข้าใจได้ง่ายขึ้น แต่ไม่ได้หมายความว่าสัญญาณที่ได้จาก Indicator จะถูกต้องเสมอไป เพราะการเคลื่อนไหวของตลาดเป็นสิ่งที่คาดเดาได้ยาก นักลงทุนจึงควรบริหารความเสี่ยงและลงทุนอย่างเหมาะสมด้วยนะครับ
_________________________________________
บทความ Bitkub Blog ที่คุณอาจสนใจ
วิธีดูกราฟคริปโต ปูพื้นฐานสำหรับนักเทรดมือใหม่
ลงทุนแบบ DCA กุญแจสู่การบริหารความเครียดจากการลงทุน
มัดรวม 6 กลยุทธ์ลงทุนคริปโทฯ ที่นักเทรดนิยมใช้
_________________________________________
มาเรียนรู้เรื่อง บิตคอยน์ (Bitcoin) และ Cryptocurrency ที่จะช่วยให้คุณเข้าใจโลกของคริปโทฯ ได้ดีขึ้น ที่ Bitkub Blog
หากคุณยังเป็นมือใหม่ ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ในบทความ “แหล่งความรู้ มือใหม่หัดเทรดคริปโต เริ่มต้นที่นี่”
*คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจํานวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
**สินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยง โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
***ผลตอบแทนของสินทรัพย์ดิจิทัลในอดีตหรือผลการดําเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลตอบแทน ของสินทรัพย์ดิจิทัลหรือผลการดําเนินงานในอนาคต”
ที่มา:
Medium