บทความ
อยากเป็นนักพัฒนาบล็อกเชนต้องเรียนภาษาโปรแกรมต่อไปนี้
บล็อกเชนและสัญญาอัจฉริยะเป็นเทคโนโลยีดิจิทัลที่ถูกพัฒนาขึ้นโดยการเขียนโค้ดขึ้นมาเหมือนกับแอปพลิเคชัน ซึ่งแต่ละโปรเจกต์ก็ถูกพัฒนาขึ้นด้วยวัตถุประสงค์และภาษาโปรแกรมที่แตกต่างกันออกไป
ในบทความนี้เราจะทำความรู้จักกับภาษาโปรแกรมที่เป็นที่นิยมในการพัฒนาโปรเจกต์บล็อกเชน จะมีภาษาอะไรบ้าง และแต่ละภาษามีจุดเด่นอย่างไร Bitkub Blog จะมาเล่าให้ฟังครับ
1.Solidity
Solidity คือภาษาที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในวงการบล็อกเชนเวลานี้ เนื่องจากเป็นภาษาที่ใช้ในเขียน Smart Contract บน Ethereum โดย Solidity เป็นภาษาโปรแกรมประเภท Statically typed คล้ายกับ JavaScript และถูกออกแบบมาให้ง่ายทั้งสำหรับการเรียนและการใช้งานจริง ภาษานี้จึงถูกใช้เพื่อพัฒนาแอปพลิเคชันแบบกระจายอำนาจ (dApps) รวมถึงการสร้างโทเคนบน Ethereum โดยมีตัวอย่างของ dApps ที่สร้างขึ้นโดยใช้ Solidity ได้แก่ Uniswap, Compound และ Aave เป็นต้น
เกร็ดน่ารู้: ณ เวลาที่เขียนนี้ (28 กุมภาพันธ์ 2023) Ethereum ยังรองรับการเขียน Smart contract ด้วยภาษา Solidity เท่านั้น แต่หนึ่งแผนการพัฒนาที่จะเกิดขึ้นในอนาคตคือการพัฒนา Ethereum WebAssembly (eWASM) ซึ่งจะทำให้ Ethereum รองรับการเขียน Smart contract ด้วยภาษาอย่าง C, C++, และ Rust ได้ด้วย
2. Java
ในแง่ของความนิยมและการใช้งานที่กว้างขวางแล้ว Java นับเป็นอีกภาษาที่ดีที่สุดสำหรับการพัฒนาบล็อกเชน โดย Java มีจุดเด่นที่ฟังก์ชัน WORA (Write once, run anywhere) โปรแกรมที่ถูกเขียนด้วยภาษา Java เลยสามารถทำงานข้ามแพลตฟอร์มได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงเหมาะกับการพัฒนาบล็อกเชนนั่นเอง
3.C++
C++ เป็นภาษาโปรแกรมที่ได้รับความนิยมเกือบทุกวงการ เนื่องจากความสามารถที่หลากหลาย เช่น การย้าย Semantics, การควบคุมหน่วยความจำ, มัลติเธรดขั้นสูง ฯลฯ C++ จึงได้รับความนิยมในวงการบล็อกเชนเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะสกุลเงินดิจิทัลพี่ใหญ่อย่าง Bitcoin รวมถึง Stellar และ Ripple ที่ก็ถูกสร้างโดยภาษา C++
4.C#
ภาษาโปรแกรมที่ถูกพัฒนาขึ้นโดย Microsoft เพื่อใช้แทน Java นักพัฒนาโอเพ่นซอร์สสามารถใช้ C# เพื่อเขียนโค้ดที่สามารถทำงานบนอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น Windows, Linux, Mac, Android ฯลฯ และเนื่องจาก C# เป็นภาษาแบบ OOPs (Object-oriented programming) นักพัฒนาจึงสามารถดึงประสิทธิภาพการทำงานของบล็อกเชนที่ถูกเขียนด้วยภาษานี้ออกมาได้อย่างเต็มที่ ยกตัวอย่าง Stratis ที่ถูกสร้างขึ้นด้วยภาษา C#
5.Python
Python เป็นอีกหนึ่งภาษาโปรแกรมที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในการพัฒนาแอปพลิเคชันและ IoT (Internet of Thing) ค่อนข้างเหมาะกับนักพัฒนามือใหม่เนื่องจากมีแหล่งข้อมูลแบบโอเพ่นซอร์สขนาดใหญ่ มีไลบรารี, ปลั๊กอิน และทรัพยากรอื่น ๆ มากมายสำหรับแทบทุกปัญหาที่พบในการพัฒนา โดยบล็อกเชนที่ถูกพัฒนาโดยใช้ Python ได้แก่ Steem, Hyperledger Fabric, และ NEO
6.Simplicity
Simplicity เป็นภาษาสำหรับการพัฒนาบล็อกเชนระดับสูงที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อเป็นทางเลือกแทน Bitcoin script โดยมุ่งเน้นไปที่การลดความซับซ้อน จึงสามารถเพิ่มขีดความสามารถในการทำงานของนักพัฒนา และช่วยลดระยะเวลาในการพัฒนาสัญญาอัจฉริยะได้อย่างมีประสิทธิภาพ
7. Go
Go ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อเป็นภาษาโปรแกรมที่มีความอเนกประสงค์และรวบรวมจุดเด่นด้านความเป็นมิตรกับผู้ใช้ของภาษาโปรแกรมรุ่นใหม่ ๆ อย่าง Python และ JavaScript พร้อมกับประสิทธิภาพและความปลอดภัยของตระกูลภาษา C ส่วนโปรเจกต์ที่ถูกพัฒนาขึ้นโดยใช้ภาษา Go ได้แก่ Go-Ethereum และ The Loom Network
สรุป
การจะเป็นนักพัฒนาบล็อกเชนได้นั้นจำเป็นต้องมีความรู้ด้านภาษาโปรแกรมเป็นอย่างดี ซึ่งแต่ละภาษาต่างมีจุดเด่นและวัตถุประสงค์ในการใช้งานแตกต่างกันออกไป การเลือกศึกษาและใช้ภาษาที่เหมาะสมจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้การพัฒนาโปรเจกต์บล็อกเชนเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพนั่นเองครับ
อ้างอิง Geeks for Geeks, appinventiv, knowledgehut
_________________________________________
คำเตือน:
*คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจํานวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
**สินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยง โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
***ผลตอบแทนของสินทรัพย์ดิจิทัลในอดีตหรือผลการดําเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลตอบแทน ของสินทรัพย์ดิจิทัลหรือผลการดําเนินงานในอนาคต
_________________________________________
ติดตามบทความที่น่าสนใจได้ที่นี่:
Blockchain คืออะไร เป็นเทคโนโลยีที่จะเข้ามาเปลี่ยนโลกหรือเปล่า?
Smart Contract คืออะไร?
รู้จัก 9 เหรียญคริปโตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมที่สุด