FOMO vs JOMO ในคริปโตแตกต่างกันอย่างไร?

FOMO คืออะไร?

FOMO หรือ Fear of Missing Out คือ ความรู้สึกของความกลัวหรือกังวลในการพลาดโอกาส หรือตกหล่นจากกระแสต่าง ๆ ความรู้สึก FOMO ถูกวิจัยออกมาว่ามักจะถูกพบในช่วงกลุ่มอายุประมาณ 18–35 แต่ยังไงก็ตามแต่ความรู้สึก FOMO ก็ไม่ได้จํากัดอยู่แค่ช่วงอายุนั้น

ตารางของอาการ FOMO ตามช่วงอายุ ที่มา Stress & Wellbeing Survey

FOMO ในโลกคริปโตจะถูกสะท้อนผ่านการที่นักลงทุนทําการตัดสินใจลงทุนหรือขายสินทรัพย์โดยไม่มีหลักการหรือเหตุผล โดยอาศัยแหล่งอ้างอิงหรือข้อมูลข่าวสารที่ไม่ได้รับการตรวจสอบอย่างถี่ถ้วน ซึ่ง FOMO ส่งผลให้นักลงทุนพลาดในการเข้าซื้อในราคาที่เหมาะสม ซึ่งถ้าหากมีกลยุทธ์ในการซื้อขายจะเป็นประโยชน์และสามารถทํากําไรได้

ผลกระทบของ FOMO อาจมีมากกว่าการขาดทุนจากการลงทุน แต่อาจส่งผลร้ายถึงสุขภาพจิต เช่น ภาวะซึมเศร้า ความวิตกกังวล หรือการแยกตัวจากครอบครัว

JOMO คืออะไร?

JOMO หรือ Joy of Missing Out คือ ความรู้สึกตรงกันข้ามของ FOMO ซึ่งจะตรงข้ามกับของความรู้สึกกลัวในการพลาดโอกาส หลักการหลัก ๆ ของ JOMO คือ การสนับสนุนให้ผู้คนใช้ชีวิตที่มีหลักการและความใส่ใจมากขึ้น

JOMO เป็นแนวคิดที่ว่าการพลาดในโอกาสต่าง ๆ ถือเป็นที่ยอมรับได้และในบางกรณีของการพลาดโอกาสอาจส่งผลดีต่อนักลงทุนด้วยซํ้า ซึ่ง JOMO ส่งเสริมให้นักลงทุนโฟกัสและเน้นไปที่เป้าหมายและแบบแผนการลงทุนของตนเอง แทนการกลัวหรือวิตกกังวลในการพลาดโอกาสในการทํากําไรหรือต้องตามเทรนด์ทุกอย่าง

JOMO จะให้ “ความสงบ” และการควบคุมให้กับนักลงทุน ในขณะที่ FOMO จะมอบความวิตกและความกลัวให้กับนักลงทุนเพราะในตลาดคริปโตที่มีความผันผวนสูงที่อาจจะทำให้นักลงทุนสามารถทำกำไรอย่างมหาศาลหรือแม้กระทั้งหมดตัวได้ในไม่กี่ชั่วโมง แนวคิด JOMO จะช่วยเป็นเครื่องยํ้าเตือนว่าการพลาดโอกาสไม่ได้หมายความว่าจะพลาดในการประสบความสําเร็จ

โดยคุณสมบัติหลัก ๆ ของนักลงทุนที่มแนวคิด JOMO คือ การมีวินัย, การมีความมั่นใจ, การมีเป้าหมายที่ชัดเจน, การมีความอดทนที่สูง, มีจุดยืนในการลงทุนที่ชัดเจน และไม่รีบร้อนในการตัดสินใจลงทุน

ปัจจัยหลักที่ก่อให้เกิด FOMO

ความรู้สึก FOMO ในคริปโตถือเป็นส่วนหนึ่งของแรงกระตุ้นของตลาด การที่เกิดอาการ FOMO สามารถแบ่งออกเป็นหลายปัจจัย การที่รู้เท่าทันถึงสาเหตุจะสามรถช่วยเป็นแนวทางพื้นฐานของการเอาชนะ FOMO ในการลงทุน

1. การคว้าโอกาสใหญ่ในครั้งต่อไป

แนวคิดของการคว้าโอกาสใหญ่ในครั้งต่อไปถือเป็นแนวคิดที่คอยวนเวียนอยู่ในสังคมการลงทุนในคริปโต ยกตัวอย่างเช่น Bitcoin (BTC) มีการเติบโตสะสมมากกว่า 20,000,000% นับตั้งแต่ปี 2011 (อัปเดตข้อมูล ณ วันที่ 9 มีนาคม 2025) เหตุการณ์เหล่านี้ส่งผลให้นักลงทุนมองหาโอกาสลงทุนในคริปโทเคอร์เรนซีที่อาจมีราคาพุ่งขึ้นหรือลงอย่างรวดเร็ว จึงนำไปสู่ภาวะ FOMO นั่นเอง

2. หลีกเลี่ยงในการขาดทุน

หากพูดถึงอาการ FOMO บนโลกคริปโต ส่วนใหญ่มักจะถูกมองว่าเป็นเรื่องของการหากําไรอย่างเดียว แต่ FOMO ในคริปโตก็สามารถสะท้อนถึงอีกด้านเช่นกัน นักลงทุนสามารถเกิดอาการ FOMO ได้หากพยายามหลีกเลี่ยงในการขาดทุน ยกตัวอย่างในปี 2018 ได้เกิดสภาวะตลาดหมี (bear market) ราคาของ Bitcoin (BTC) ลดตํ่ากว่า 4,000 ดอลลาร์สหรัฐ นักลงทุนส่วนใหญ่ทําการ panic selling เพราะกลัวว่าราคาจะลดลงมากกว่านี้ ซึ่งทําให้นักลงทุนบางคนเสียหายนักจากการ panic selling เพราะขายออกไปก่อนที่ตลาดจะฟื้นตัว

3. การรับรู้ถึงข้อมูลที่มากเกินไป

ข้อมูลในการลงทุนถือว่าเป็นเครื่องมือสําคัญในการลงทุนในสินทัพย์ต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการทํากําไรในตลาดคริปโต ข้อมูลถือว่าเป็นสิ่งสําคัญในการก่อให้เกิดอาการ FOMO เพราะการที่นักลงทุนเข้าถึงข้อมูลมากเกินไปจะทําให้เกิดอาการ information overload และจะทําให้การตัดสินใจในการลงทุนไม่มีประสิทธิภาพเพราะข้อมูลที่เอามาวิเคราะห์อาจเยอะเกินไป

ข้อดีของ JOMO ในการลงทุน

– ลดความเครียดในการเทรด : การเอาแนวคิด JOMO มาปรับในการลงทุนจะทําให้ลดความเครียดไปอย่างมากเพราะนักลงทุนจะโฟกัสกับแผนการลงทุนของตนมากกว่าการกดดันจากกระแสอย่างต่อเนื่อง นักลงทุนจะเกิดสภาวะที่ผ่อนคลายมากขึ้นและกดดันน้อยลงเพราะไม่ต้องคอยกลัวการ “ตกหล่น” จากเทรนด์

– ลดการตัดสินใจแบบฉับพลัน : ในการลงทุน การลงทุนแบบฉับพลันอาจก่อให้เกิดความเสียหายที่รุนแรงได้ JOMO จะช่วยให้นักลงทุนพิจารณาถึงความเสี่ยงและผลตอบแทนของการลงทุนอย่างรอบคอบ

– เพิ่มประสิทธิภาพใรการตัดสินใจ : JOMO สนับสนุนให้นักลงทุนหาข้อมูลและเรียนรู้ถึงข้อมูลด้วยตนเอง ส่งผลให้นักลงทุนได้ลงทุนอย่างมีคุณภาพ นักลงทุนที่มีแนวคิดแบบนั้นมักจะมองหาโอกาสที่คุณค่าจริง ๆ และไม่ตกเป็นเหยื่อของกระแสต่าง ๆ

วิธีการปรับแนวคิด JOMO

แนวคิดของ JOMO ไม่ได้ล้วนแต่เกี่ยวข้องแค่ด้านของความคิด แต่ต้องมีการฝึกฝนและปฏิบัติเช่นเดียวกัน

การปรับแนวคิด JOMO ควรเริ่มจากขั้นตอนดังนี้:

1. ตั้งเป้าหมายให้ชัดเจน

หากมีการกําหนดความเสี่ยงที่ยอมรับได้และเป้าหมายในเชิงการเงินตั้งแต่เริ่มต้นของการเทรด นักลงทุนจะสามารถหลีกเลี่ยงการเทรดที่ไม่จําเป็นได้ง่ายขึ้น เพราะนักลงทุนรู้ถึงเป้าหมายที่ควรบรรลุและระดับของความเสี่ยงที่ยอมรับได้

2. การหาข้อมูลเชิงลึก

การตัดสินใจลงทุนโดยการหาข้อมูลที่เป็นความจริงแทนการลงทุนด้วยอารมณ์นั้นจะมีประสิทธิภาพมากกว่า ก่อนที่นะจิดสินใจลงทุนในคริปโตชนิดต่าง ๆ นักลงทุนควรรู้ถึงข้อมูลและพื้นฐานของคริปโตชนิดนั้น ๆ นวทางนี้จะช่วยให้นักลงทุนแยกแยะระหว่างศักยภาพที่แท้จริงกับกระแสที่เกิดขึ้นชั่วคราว

3. จํากัดการรับรู้ถึงข้อมูลที่มากเกินไป

หากมีข้อมูลที่มากเกินไปอาจทําให้เกิดความสับสนได้ นักลงทุนควรเลือกแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้เพียงไม่กี่แห่งเพื่อการอัปเดตข่าวสารคริปโต และควรหลีกเลี่ยงในการอัปเดตข่าวในตลาดคริปโตตลอดเวลา แนวคิดนี้จะช่วยลดการว้าวุ่นและการตื่นตระหนกของนักลงทุน

การปฏิบัติด้วยวิธีการข้างต้นถือเป็นการปรับแนวคิด JOMO ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตามการปรับแนวคิด JOMO อาจไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเสมอไป ในช่วงเริ่มแรกของการปรับใช้แนวคิดนี้ นักลงทุนส่วนใหญ่มักจะเผชิญกับปัญหาหรือสิ่งท้าทายเหล่านี้

– แรงกดดันจากคนรอบข้างหรือกระแส : นักลงทุนอาจต้านกับกระแสและความนิยมต่าง ๆ บนโลกโซเชียลมีเดียไม่ได้ในช่วงแรก การปรับแนวคิดนี้นักลงทุนจะต้องมีความเชื่อมั่นและความมั่นใจในตนเอง

– พลาดโอกาสในการทํากําไร : การปรับแนวคิด JOMO นักลงทุนอาจพลาดในการทํากําไรได้ นักลงทุนควรยอมรับว่าการพลาดโอกาสเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการ

– การรับข้อมูลโดยไม่มากเกินไป : นักลงทุนอาจพบปัญหาในการบาลานซ์ระหว่าง JOMO กับการติดตามความเคลื่อนไหวของตลาด จุดสําคัญคือการมีความรู้ที่มากพอและมีคุณภาพเพื่อการตัดสินใจในการลงทุน

สรุปเกี่ยวกับ JOMO และ FOMO

FOMO ในการลงทุน คือ ความกลัวในการพลาดโอกาส โดยส่วนใหญ่คือการกลัวพลาดในการทํากําไร ซึ่งอาจนําไปสู่สภาวะขาดทุนหรือผลกระทบอื่น ๆ เช่น การเสียสุขภาพจิต แต่ในขณะเดียวกัน JOMO (Joy of Missing Out) ช่วยให้นักลงทุนโฟกัสกับเป้าหมายของตนได้ชัดเจนและส่งเสริมให้ลงทุนอย่างมีเหตุผล

JOMO มีข้อดีคือการช่วยลดความเครียด และเพิ่มประสิทธิภาพในการวิเคราะห์ นักลงทุนสามารถปรับใช้ JOMO ได้โดยตั้งเป้าหมายให้ชัดเจน ศึกษาข้อมูลให้รอบคอบ และจำกัดแหล่งข่าวสาร แม้ว่าจะมีแรงกดดันจากสังคม นักลงทุนสามารถลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นโดยการกำหนดเป้าหมายการลงทุนที่ชัดเจน

ที่มา: CCN, IG, coinpaper, investopedia

— — — — — — — —

​​- คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจํานวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้

- ผลตอบแทนของสินทรัพย์ดิจิทัลในอดีตหรือผลการดําเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลตอบแทน ของสินทรัพย์ดิจิทัลหรือผลการดําเนินงานในอนาคต

FOMO vs JOMO: How Are They Different?

What is FOMO?

FOMO or Fear of Missing Out is a feeling of being scared or anxious in missing out an opportunity or falling off from trends. The feeling of FOMO has been researched stating that it is commonly found among people of age 18 to 35.

Table indicating FOMO condition according to age — source: Stress & Wellbeing Survey

FOMO in the crypto narrative could be reflected through trader investing decisions and choices by selling their assets without logic or reason. Most of these hasty decisions are influenced by unreliable sources or news and have not been logically filtered. FOMO negatively affects traders by making them miss opportunities on buying assets at an appropriate price, so having an investment strategy is significantly helpful and could generate profits.

Furthermore, FOMO could go beyond financial loss including negative effects on mental health such as depression, anxiety, or social withdrawal from family.

What is JOMO?

JOMO or Joy of Missing Out is the exact opposite feeling of FOMO which has a parallel feeling of fear of falling off from opportunities or trends. JOMO mainly supports people to live with reasoning and consciousness.

JOMO is a logic that sees missed opportunities as ‘acceptable’ and in some cases, missed opportunities could potentially benefit the trader’s investing situation. JOMO supports investors to focus on their investment goals and strategies, rather than worrying or scaring about missing in opportunities or making profits.

JOMO will eventually bring “peace” and a sense of control for investors, but FOMO commonly brings anxiety and fear, especially in the highly volatile crypto market where investors could make profits or lose huge amounts of money in a few hours. The concept of JOMO acts as a reminder for investors that missing does not mean missing out on success.

The main attributes of a JOMO trader mainly consist of discipline, confidence, clear objectives, endurance, self-dependent, and patience.

Factors that cause FOMO

The feeling of FOMO in the crypto narrative is a significant influence on the crypto market. The feeling of FOMO could be categorized by various factors, by being attentive to these factors will lay a foundation in overcoming FOMO.

1. Belief in catching the next big opportunity

The concept of catching the next “big opportunity” is still circulating in the cryptocurrency community. For example, Bitcoin (BTC) has accumulated growth of over 20,000,000% since 2011 ( price updated on 9 March 2025 ). These types of instances majorly influence investors to seek on opportunities in the cryptocurrencies that could potentially rapidly surge or plummet in price.

2. Preventing on taking financial loss

FOMO in the cryptocurrency narrative is mostly seen through the behavior of seeking for profits only. However, FOMO also reflects another side of crypto trading, investors could experience FOMO if they are preventing any financial loss. For instance, bear market in 2018, Bitcoin (BTC) price plummeted below $4,000, resulting in most investors panic selling due to concern of prices dropping further. As a result on panic selling, many investors suffered from huge loss, because they sold off their assets before the market had a chance to recover.

3. Accessible to too much information

Relevant information on investing is considered a significant tool for investing, especially in seeking for profit in the cryptocurrency market. This eventually makes information an important trigger in causing FOMO, because if investors access to too much information, it will lead to experiencing “information overload”. This can impair the effectiveness of investment decision-making, as the excessive amount of data being analyzed may overwhelm the investor.

Benefits of JOMO in investing

– Reduce stress in investing: By implementing the JOMO concept will significantly reduce stress, because investors will be focusing on their goals rather than pressure from the crypto community or trends. Investors will experience a sense of increase in relaxation and less pressure, because they do not need to worry about falling off from trends.

– Reduces impulsive decision-making: In investing, impulsive decisions can lead to significant losses. JOMO encourages investors to carefully consider the risks and returns before making any moves, promoting more thoughtful and strategic investment choices.

– Increase efficiency in decision-making: JOMO encourages investors to research and filter information independently, leading to more informed and quality investment decisions. Investors with this mindset will often seek for potential opportunities and will not fall for market hype or rapid trends.

How to Apply the JOMO mindset

The JOMO concept is not just a change in mindset, it requires discipline and practice. To adapt the JOMO mindset effectively in investing, consider the following steps:

1. Set Clear Goals

By setting and defining acceptable risk levels and financial goals from the beginning of trading, investors could avoid unnecessary trades. Having clear objectives will help investors to focus on what they want to achieve and the risk they are able to tolerate.

2. Conduct In-Depth Research

Investment decisions based on verified facts or information are more effective than emotion-based decisions. Before investing in cryptocurrencies, it is crucial to know the fundamentals and background of that cryptocurrency. This approach helps investors distinguish between real long-term potential and temporary market hype.

3. Avoiding Information Overload

If obtaining too much information can lead to severe confusion. Investors should carefully select only a few reliable sources for crypto updates and avoid constantly checking crypto news. This approach helps reduce anxiety and prevents panic-driven decision-making.

Practicing the methods above is an effective way of adapting the JOMO mindset. However, adapting the JOMO mindset could come with challenges. Some of the challenges are as followed:

– Social pressure and trends: Investors may find it difficult to resist popular trends and hype on social media early on. Adopting the JOMO mindset requires self-confidence and trust in one’s self.

– Missing out on profits: Embracing JOMO might mean missing out on certain profit opportunities. Investors must accept that missing some chances is a natural part of the investing process.

– Balancing awareness and overload: It can be challenging to balance staying informed and avoiding information overload at the same time. The key is to focus on acquiring enough high-quality knowledge to support quality investment decisions.

Summary of JOMO vs. FOMO in Investing

FOMO in investing is the fear of missing out on opportunities, often related to the fear of missing profits. This can lead to poor decision-making, financial loss, or even negative effects on mental health.

JOMO (Joy of Missing Out), on the other hand, allows investors to focus more clearly on their investment goals and encourages well-researched investment decisions.

The advantages of JOMO include stress reduction and improved decision-making. Investors can adopt the JOMO approach by setting clear goals, conducting thorough research, and limiting their sources of information. Despite societal pressures, having a well-defined investment plan can lead to more confident and effective investing.

Source: CCN, IG, coinpaper, investopedia

— — — — — — — — — — — — — — — — —

Disclaimer:

- Cryptocurrency and digital tokens involve high risks; investors may lose all investment money and should study information carefully and make investments according to their own risk profile.

- Returns/Past Performance does not guarantee future returns/performance.