บทความ

Bitkub Exchange และ Bitkub Academy ร่วมมือ DeLorean Labs ขับเคลื่อนนวัตกรรมสินทรัพย์ดิจิทัล

ME โทเคนจาก Magic Eden แพลตฟอร์ม NFT ยอดนิยม ที่ทำให้ซื้อขายได้แบบ Multi-chain

นิยามเหรียญบน Bitkub ฉบับเร่งรัด

รวมข่าวเด่นรายสัปดาห์ย้อนหลัง

Jito (JTO) ปลดล็อกศักยภาพของ Solana ด้วย Liquid Staking ที่มาพร้อมประสิทธิภาพสูงสุดด้วย Maximum Extractable Value (MEV) บล็อกเชน Solana เติบโตอย่างรวดเร็วและกลายเป็นหัวใจสำคัญของแอปพลิเคชันแบบกระจายศูนย์ ด้วยความเร็วในการประมวลผลที่สูงและค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมที่ต่ำ Jito ซึ่งเป็นโปรโตคอล Liquid Staking ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในระบบนิเวศที่กำลังพัฒนาอย่างต่อเนื่องของ Solana โดยมีความโดดเด่นในการจัดการกับความท้าทายที่ซับซ้อนที่สุดอย่างหนึ่งของบล็อกเชน คือ Maximal Extractable Value (MEV) Jito ไม่เพียงแต่เพิ่มประสิทธิภาพในการ Staking เท่านั้น แต่ยังนำเสนอกลไกเฉพาะตัวในการแบ่งปันผลกำไรจาก MEV ให้กับผู้ใช้ ทำให้เป็นผู้เล่นคนสำคัญสำหรับผู้ที่ชื่นชอบคริปโตและผู้ที่สนใจเทคโนโลยี DeFi ที่ล้ำสมัย Jito (JTO) คืออะไร? Jito คือโปรโตคอล Liquid Staking ที่สร้างขึ้นบนเครือข่าย Solana ช่วยให้ผู้ใช้สามารถ Staking โทเคน Solana (SOL) ของตน และได้รับ JitoSOL กลับมา แตกต่างจากการ Staking แบบดั้งเดิมที่สินทรัพย์จะถูกล็อกไว้ สำหรับ JitoSOL เป็น โทเคน Liquid Staking (LST) หมายความว่าโทเคนนี้เป็นตัวแทนของ SOL ที่คุณ Staking ไว้และรางวัลที่ได้รับ แต่ยังคงสามารถเข้าถึงเพื่อใช้งานในโปรโตคอล DeFi ต่างๆ บน Solana ได้ ผู้ใช้สามารถนำ JitoSOL ไปใช้ในการให้ยืม (Lending), การกู้ยืม (Borrowing), การจัดหาสภาพคล่อง (Liquidity Provision) และ Yield Farming ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เงินทุนของพวกเขาสามารถสร้างผลตอบแทนได้หลายชั้นพร้อมกัน คุณสมบัติโดดเด่นของ Jito คุณสมบัติเด่นของ Jito ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับนวัตกรรมในการจัดการ MEV (Maximal extractable value คือ ค่าสูงสุดที่นักขุดหรือผู้ตรวจสอบ สามารถได้รับจากการรวม เรียงลำดับใหม่ หรือ การยกเว้นธุรกรรมภายในบล็อก) และความมุ่งมั่นในการกระจายอำนาจ ประกอบด้วย — การเพิ่มประสิทธิภาพจาก MEV และการจัดสรร: MEV เป็นส่วนหนึ่งที่โดดเด่นที่สุดของ Jito MEV หมายถึงค่าสูงสุดที่ Validator สามารถดึงออกมาได้โดยการจัดลำดับ, การรวม, หรือการยกเว้นธุรกรรมภายในบล็อก บน Solana สิ่งนี้มักนำไปสู่ความแออัดของเครือข่าย ทาง Jito จัดการปัญหานี้โดยใช้ระบบการประมูลที่ “Searcher” (ผู้ทำ Arbitrage, ผู้ชำระบัญชี) จะประมูลสิทธิ์ในการรวมลำดับธุรกรรมที่ทำกำไรได้ ส่วนหนึ่งของ MEV เหล่านี้จะถูกแจกจ่ายกลับไปยังผู้ถือ JitoSOL ซึ่งเป็นผลตอบแทนเพิ่มเติมจากรางวัล Staking มาตรฐาน ระบบนี้มีเป้าหมายเพื่อลดการสแปมเครือข่ายที่เกิดจากความพยายามในการทำ MEV front-running — Liquid Staking ด้วย JitoSOL: ลักษณะที่เป็น Liquid ของ JitoSOL นำเสนอประสิทธิภาพของเงินทุนที่ไม่มีใครเทียบได้ แทนที่จะล็อก SOL ไว้ ผู้ใช้จะได้รับโทเคนที่ยังคงได้รับรางวัลจากการ Staking และ MEV ในขณะที่ยังคงสามารถนำไปใช้ในระบบนิเวศ DeFi ของ Solana ได้ อัตราแลกเปลี่ยนของ JitoSOL ต่อ SOL จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเมื่อมีการสะสมรางวัล ทำให้มูลค่าเพิ่มขึ้นโดยอัตโนมัติสำหรับผู้ถือ — การกระจายอำนาจผ่าน StakeNet: Jito มุ่งมั่นที่จะส่งเสริมเครือข่าย Solana ที่มีการกระจายอำนาจมากขึ้น โปรแกรม StakeNet ของ Jito จะมอบ SOL ที่ถูก Staking ให้กับกลุ่ม Validator ที่มีประสิทธิภาพสูงอย่างชาญฉลาด เพื่อป้องกันการกระจุกตัวของ Stake และเพิ่มความแข็งแกร่งของเครือข่าย ผู้จัดการ Stake Pool แบบอิสระนี้ใช้ Validator History Program และ Steward Program เพื่อประเมินและจัดอันดับ Validator เพื่อให้แน่ใจว่ามีการจัดสรร Stake ที่เหมาะสมที่สุด — ลดความแออัดของเครือข่าย: ด้วยการแนะนำกลไกการประมูล MEV ที่มีประสิทธิภาพ Jito ช่วยลด “ธุรกรรมสแปม” ที่อาจเกิดขึ้นจากความพยายามในการจับ MEV ซึ่งจะช่วยให้เครือข่าย Solana ราบรื่นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ผู้ก่อตั้ง Jito Jito ก่อตั้งโดย Lucas Bruder และ Zano Sherwani จากการตระหนักถึงศักยภาพของ MEV ในเครือข่ายบล็อกเชนที่เติบโตอย่างรวดเร็วเช่น Solana และความปรารถนาที่จะสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่เพิ่มประสิทธิภาพในการจับและกระจาย MEV เพื่อประโยชน์ของ Staker และสุขภาพของเครือข่าย JTO Token คืออะไร? โทเคน JTO เป็น Governance Token ของ Jito Network มันมอบอำนาจให้ผู้ถือสามารถมีส่วนร่วมโดยตรงในการกำกับดูแลแบบกระจายอำนาจของโปรโตคอล ซึ่งรวมถึง: — การกำหนดค่าธรรมเนียม: ผู้ถือ JTO สามารถลงคะแนนเสียงเกี่ยวกับโครงสร้างค่าธรรมเนียมของ JitoSOL stake pool — การอัปเดตกลยุทธ์การมอบอำนาจ: พวกเขาสามารถแสดงความคิดเห็นในการมอบหมาย SOL ให้กับ Validator ผ่านโปรแกรม StakeNet — การจัดการคลัง: ผู้ถือ JTO บริหารจัดการคลังโทเคน JTO ที่ถือโดย Jito DAO — การพัฒนาโปรโตคอล: พวกเขามีส่วนร่วมในการเติบโตและการปรับปรุงผลิตภัณฑ์และโปรโตคอลต่างๆ ของ Jito อย่างต่อเนื่อง โดยพื้นฐานแล้ว โทเค็น JTO ให้สิทธิ์แก่สมาชิกชุมชนในการแสดงความคิดเห็นในการกำหนดทิศทางและนโยบายในอนาคตของ Jito Network การจัดสรรโทเคนและ Tokenomics โทเคน JTO มีอุปทานรวมจำกัดอยู่ที่ 1,000,000,000 JTO กลยุทธ์การจัดสรรได้รับการออกแบบมาเพื่อส่งเสริมการเติบโตของชุมชน การพัฒนา Ecosystem และให้รางวัลแก่ผู้มีส่วนร่วมและนักลงทุนในช่วงแรก โดยมีกำหนดการ Vesting เพื่อให้แน่ใจถึงการมีส่วนร่วมในระยะยาว การจัดสรรหลักประกอบด้วย: — การเติบโตของชุมชน 34.3% ของอุปทานทั้งหมดถูกจัดสรรให้กับการเติบโตของชุมชน Jito ซึ่งรวมถึงการแจกจ่าย Airdrop ย้อนหลัง 10% ให้กับผู้ใช้และผู้มีส่วนร่วมในช่วงแรก โดยส่วนที่เหลือจะถูกควบคุมโดย DAO เพื่อริเริ่มในอนาคต — การพัฒนา Ecosystem 25% ของอุปทานถูกจัดสรรเพื่อสนับสนุนชุมชนและผู้มีส่วนร่วมที่ขับเคลื่อนการขยายโปรโตคอลของ Jito บน Solana รวมถึงความก้าวหน้าอย่าง StakeNet — ผู้มีส่วนร่วมหลัก 24.5% ถูกจัดสรรให้กับผู้ก่อตั้ง Jito, พนักงานปัจจุบันและอนาคต, และผู้มีส่วนร่วมในช่วงแรกของ Ecosystem โทเคนเหล่านี้มักมีกำหนดการ Vesting โดยส่วนใหญ่มักมี cliff 1 ปี และปลดล็อกเป็นเส้นตรงในช่วง 2–3 ปี — นักลงทุน 16.2% ถูกจัดสรรให้กับนักลงทุนที่สนับสนุนการพัฒนาในช่วงแรกของ Jito โทเคนเหล่านี้ก็เป็นไปตามกำหนดการ Vesting ที่คล้ายกับผู้มีส่วนร่วมหลัก โดยมี cliff 1 ปี และปลดล็อกเป็นเส้นตรงในช่วง 2–3 ปี Tokenomics มีเป้าหมายเพื่อส่งเสริม Ecosystem ที่ยั่งยืนและมีการกระจายอำนาจ ซึ่งผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจะได้รับแรงจูงใจให้มีส่วนร่วมในความสำเร็จระยะยาวของเครือข่าย การปล่อยโทเค็นจะถูกแบ่งออกเป็นช่วงๆ ผ่านระยะเวลา Vesting เพื่อป้องกันการขายจำนวนมากและส่งเสริมการกระจายอำนาจการกำกับดูแลอย่างค่อยเป็นค่อยไป ข้อมูลน่าสนใจด้านราคาของ JTO ข้อมูลจากเว็บไซต์ CoinMarketCap เมื่อวันที่ 4 ก.ค. 2025 เหรียญ JTO มีมูลค่าตามราคาตลาด (Market cap) ที่ 711,433,258 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 949,458,701 บาท ณ เวลาที่เขียนบทความนี้ เหรียญ JTO ซื้อขายกันอยู่ที่ราคาประมาณ 2.06 ดอลลาร์ หรือประมาณ 66.75 บาทต่อ 1 JTO โดย JTO เคยทำราคาสูงสุด (All-time high) ที่ 5.61 ดอลลาร์ หรือประมาณ 181.43 บาท ต่อ 1 JTO เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2023 อ้างอิง : Jito Network Docs, CoinMarketCap — — — — — — — — — — — — — — — — — หากคุณยังเป็นมือใหม่ ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ในบทความ “แหล่งความรู้ มือใหม่หัดเทรดคริปโต เริ่มต้นที่นี่” แล้วมาเริ่มต้นเทรดได้วันนี้ที่ Bitkub Exchange → คลิกสมัครเลย — — — — — — — — — — — — — — — — — ​​- คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจํานวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ - ผลตอบแทนของสินทรัพย์ดิจิทัลในอดีตหรือผลการดําเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลตอบแทน ของสินทรัพย์ดิจิทัลหรือผลการดําเนินงานในอนาคต — — — — — — — — — — — — — — — — — What Is Jito (JTO)? Solana’s MEV-Optimized Liquid Staking Solution The Solana blockchain has quickly become a powerhouse for decentralized applications, thanks to its impressive speed and low transaction fees. At the forefront of its rapidly evolving ecosystem is Jito, a liquid staking protocol that stands out by tackling one of blockchain’s most intricate challenges: Maximal Extractable Value (MEV). Jito doesn’t just make staking more efficient; it introduces a unique way to share MEV profits with its users, making it a pivotal player for crypto enthusiasts and anyone curious about the cutting edge of DeFi. What is Jito (JTO)? Jito is a liquid staking protocol built on the Solana network. It allows you to stake your Solana (SOL) tokens and get JitoSOL in return. Unlike traditional staking where your assets are locked up, JitoSOL is a Liquid Staking Token (LST). This means it represents your staked SOL and its earned rewards, yet it remains fully accessible for use across various decentralized finance (DeFi) protocols on Solana. You can leverage your JitoSOL for lending, borrowing, providing liquidity, and yield farming, essentially allowing your capital to earn multiple layers of yield simultaneously. Jito’s Standout Features Jito’s most compelling features largely revolve around its innovative approach to MEV and its unwavering commitment to decentralization: — MEV Optimization and Distribution: This is arguably Jito’s most distinctive characteristic. MEV refers to the profit validators can extract by strategically reordering, including, or excluding transactions within a block. On Solana, this often leads to network congestion. Jito addresses this by implementing an auction-based system where “searchers” (arbitrageurs, liquidators) bid for the right to include profitable transaction sequences. A portion of these MEV profits is then redistributed to JitoSOL holders, offering an additional yield layer beyond standard staking rewards. This system aims to reduce network spam caused by aggressive MEV front-running attempts. — Liquid Staking with JitoSOL: The liquid nature of JitoSOL offers unparalleled capital efficiency. Instead of tying up your SOL, you get a token that continues to accrue staking and MEV rewards while remaining usable in Solana’s dynamic DeFi landscape. The exchange rate of JitoSOL to SOL continuously increases as rewards accumulate, automatically compounding value for holders. — Decentralization via StakeNet: Jito is dedicated to fostering a more decentralized Solana network. Its StakeNet program intelligently delegates staked SOL to a diverse set of high-performing validators, preventing stake concentration and enhancing network robustness. This autonomous stake pool manager uses a Validator History Program and Steward Program to evaluate and rank validators, ensuring optimal stake allocation. — Reduced Network Congestion: By introducing an efficient MEV auction mechanism, Jito helps mitigate the “spam” transactions that can arise from MEV capture attempts, thereby contributing to a smoother and more efficient Solana network. Who Founded Jito? Jito was co-founded by Lucas Bruder and Zano Sherwani. Their vision for Jito grew from recognizing the significant potential of MEV within rapidly expanding blockchain networks like Solana, and a strong desire to build infrastructure that optimizes its capture and distribution for the benefit of both stakers and overall network health. What is the JTO Token? The JTO token serves as the native governance token for the Jito Network. It empowers its holders to participate directly in the decentralized governance of the protocol. This includes: — Setting fees: JTO holders can vote on the fee structure of the JitoSOL stake pool. — Updating delegation strategies: They have a say in how SOL is delegated to validators through the StakeNet programs. — Treasury management: JTO holders manage the treasury of JTO tokens held by the Jito DAO. — Protocol development: They contribute to the ongoing growth and improvement of Jito’s various products and protocols. In essence, JTO tokens give community members a voice in shaping the future direction and policies of the Jito Network. Token Allocation and Tokenomics The JTO token has a total supply capped at 1,000,000,000 JTO. The allocation strategy is designed to promote community growth, ecosystem development, and reward early contributors and investors, with vesting schedules in place to ensure long-term alignment. Key allocations include: — Community Growth: Approximately 34.3% of the total supply is dedicated to fostering the Jito community. This includes an initial retrospective airdrop of 10% to early users and contributors, with the remainder controlled by DAO governance for future initiatives. — Ecosystem Development: Around 25% of the supply is allocated to fund communities and contributors driving the expansion of Jito’s protocol on Solana, including advancements like StakeNet. — Core Contributors: Approximately 24.5% is allocated to Jito’s founders, current and future employees, and early contributors to the ecosystem. These tokens typically have vesting schedules, often with a 1-year cliff and linear unlocking over 2–3 years. — Investors: Roughly 16.2% is allocated to investors who supported Jito’s early development. These tokens also follow a similar vesting schedule to core contributors, with a 1-year cliff and linear unlocking over 2–3 years. The tokenomics aim to cultivate a sustainable and decentralized ecosystem where stakeholders are incentivized to contribute to the network’s long-term success. Token releases are staggered through vesting periods, which helps prevent large sell-offs and promotes the gradual decentralization of governance power. JTO Price Snapshot As of Friday, July 4, 2025, at 5:49 PM +07, according to CoinMarketCap, the JTO token has a market capitalization of $711,433,258 USD. Currently, JTO is trading at approximately $2.06 USD per JTO. It reached its all-time high of $5.61 USD per JTO on December 7, 2023. Reference: Jito Network Docs, CoinMarketCap — — — — — — — — — — — — — — — — — New to crypto? Learn the ropes with our beginner’s guide, ‘Crypto Knowledge for beginners’. When you’re ready, take the next step and start trading today at Bitkub Exchange. Click here to apply! — — — — — — — — — — — — — — — — — Disclaimer: — Cryptocurrency and digital tokens involve high risks; investors may lose all investment money and should study information carefully and make investments according to their own risk profile. — Past Returns does not guarantee future returns/performance. Jito (JTO) ปลดล็อกศักยภาพของ Solana ด้วย Liquid Staking ที่มาพร้อมประสิทธิภาพสูงสุดด้วย MEV was originally published in Bitkub.com on Medium, where people are continuing the conversation by highlighting and responding to this story.

กิจกรรม: Learn, Trade and Earn SCR รับ SCR มูลค่า 300 บาท โดยมียอดเทรดสะสมขั้นต่ำ 3,000 บาท โดยเป็นยอดซื้อ-ขายเหรียญ SCR สะสมขั้นต่ำ 3,000 บาท รับเหรียญ SCR มูลค่า 300 บาท จำกัด 1,500 สิทธิ์ ระยะเวลา: 15 ก.ค. — 15 ส.ค. 68 ลงทะเบียนผ่านลิงก์: https://form.bitkub.com/learn-trade-earn-scr-jul25 ข้อกำหนดและเงื่อนไขของกิจกรรม 1.กิจกรรม Learn, Trade and Earn SCR รับ SCR มูลค่า 300 บาท (“กิจกรรม”) นี้ จัดขึ้นโดย บริษัท บิทคับ ออนไลน์ จํากัด (“บริษัทฯ”) 2.มียอดเทรดสะสมขั้นต่ำ 3,000 บาท โดยเป็นยอดซื้อ-ขายเหรียญ SCR สะสมขั้นต่ำ 3,000 บาท รับเหรียญ SCR มูลค่า 300 บาท จำกัด 1,500 สิทธิ์ 3.เริ่มตั้งแต่วันที่ 15 ก.ค. 68 - 15 ส.ค. 68 4.ผู้เข้าร่วมกิจกรรมจะต้อง - มีบัญชี Bitkub Exchange และผ่านการยืนยันตัวตนระดับที่ 1 ขึ้นไป (KYC1) - ลงทะเบียนเพื่อเรียนรู้และเข้าร่วมกิจกรรมผ่านแบบฟอร์ม https://form.bitkub.com/learn-trade-earn-scr-jul25 5.ผู้เข้าร่วมกิจกรรม จะต้องศึกษา ทำความเข้าใจ และผ่านการอบรมความรู้ เกี่ยวกับคริปโทเคอร์เรนซีเบื้องต้นและเหรียญ SCR จากลิงก์ที่แนบไว้ในแบบฟอร์ม 6.ของรางวัลคือเหรียญ SCR จำนวน 28.98 เหรียญ คิดเป็นมูลค่า 300 บาท คำนวณจากมูลค่า ณ วันที่ 12 มิ.ย. 68 ราคาเหรียญ SCR ประมาณ 10.35 บาท/เหรียญ 7.ขอสงวนสิทธิ์การถอนเงินไทยบาท ออกจากบัญชี Bitkub Exchange ตลอดระยะเวลากิจกรรม 8.ขอสงวนสิทธิ์การรับของรางวัล 1 รางวัล ต่อ 1 บัญชี Bitkub Exchange เท่านั้น 9.ทางบริษัทฯ จะลำดับการมอบรางวัลจากผู้ที่ลงทะเบียนในแบบฟอร์มก่อน และทำการโอนเหรียญให้กับผู้ที่ได้รับรางวัล ที่ทำถูกต้องตามเงื่อนไขของกิจกรรม ภายใน 60 วันทำการ หลังสิ้นสุดระยะเวลากิจกรรม 10.ทางบริษัทฯ จะดําเนินการลบข้อมูลของลูกค้าที่กรอกแบบฟอร์ม ภายใน 365 วัน หลังจากจบระยะเวลากิจกรรม 11.ของรางวัลไม่สามารถเปลี่ยนเป็นเงินสดหรือเปลี่ยนเป็นของรางวัลชนิดอื่นได้ และไม่สามารถโอนสิทธิ์ให้ผู้อื่นได้ 12.ผู้ร่วมกิจกรรมไม่มีสิทธิ์เรียกร้องค่าตอบแทน ค่าเสียหายของสินค้า หรือของรางวัล หากชำรุดเมื่อได้รับของรางวัลไปแล้ว หรือเกิดความเสียหาย หรือสูญหายระหว่างขนส่ง หรือสิ่งใด ๆ ไม่ว่าทางแพ่ง หรือทางอาญา 13.บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขกิจกรรม โดยจะแจ้งให้ทราบล่วงหน้า 3 วันทำการ 14.ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันบิทคับได้ที่นี่ https://onelink.bitkub.com/aHvr/gtbl7nio *คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจํานวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ Learn, Trade and Earn SCR รับ SCR มูลค่า 300 บาท (15 ก.ค. –15 ส.ค. 68) was originally published in Bitkub.com on Medium, where people are continuing the conversation by highlighting and responding to this story.

ข่าวรายสัปดาห์ 5–11 ก.ค. 68 : ราคา XRP พุ่งสูงสุดในรอบ 7 สัปดาห์ | จำนวนการถือ BTC ของบริษัทต่างๆ ทำสถิติใหม่ | Bitcoin ETF เงินไหลเข้าแตะ $50,000 ล้าน ตลาดสกุลเงินดิจิทัลกำลังได้รับแรงผลักดันเชิงบวกอย่างเห็นได้ชัด ราคา Bitcoin ทำราคาสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ที่ 117,902.91 ดอลลาณ์สหรัฐ (CoinMarketCap — 11 ก.ค. 2025) สะท้อนจากการลงทุนของภาคธุรกิจใน Bitcoin ที่ทุบสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ มียอดการถือครองรวมพุ่งขึ้นไปถึง 91,000 ล้านดอลลาร์ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2025 ในขณะที่กองทุน Bitcoin ETF ในสหรัฐฯ ก็มียอดเงินทุนไหลเข้ารวมใกล้แตะ 50,000 ล้านดอลลาร์ ความเชื่อมั่นของนักลงทุนสถาบันนี้ยังส่งผลไปยังตลาดในวงกว้าง โดยราคาของ XRP ได้พุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 7 สัปดาห์ที่ราคาสูงกว่า 2.42 ดอลลาร์ ซึ่งขับเคลื่อนโดยการเข้าสะสมเหรียญจำนวนมากของ Whale ซึ่งการเติบโตนี้ยังได้รับการสนับสนุนจากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ โดย Tether ได้เสริมสร้างเสถียรภาพด้วยการเก็บทองคำมูลค่า 8,000 ล้านดอลลาร์ในห้องนิรภัยที่สวิตเซอร์แลนด์ และ Ant Group ของ Jack Ma ก็ได้ร่วมมือกับ Circle เพื่อผนวกเหรียญ Stablecoin USDC ซึ่งเป็นข้อตกลงครั้งประวัติศาสตร์ที่พร้อมจะปฏิวัติการชำระเงินดิจิทัลทั่วเอเชีย — — — — — — — — — — ราคา XRP พุ่งสูงสุดในรอบ 7 สัปดาห์ ท่ามกลางกิจกรรมการสะสมของ Whale ที่เพิ่มขึ้น ราคา XRP ได้พุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 7 สัปดาห์ โดยมีราคาซื้อขายอยู่ที่กว่า 2.42 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเพิ่มขึ้น 4% ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และเพิ่มขึ้น 7% ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา การพุ่งขึ้นของราคาครั้งนี้มาพร้อมกับปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญถึง 74.1% คิดเป็นมูลค่า 4,540 ล้านดอลลาร์สหรัฐ การปรับตัวขึ้นนี้มีสาเหตุหลักมาจากการสะสมเหรียญที่เพิ่มขึ้นของ “Whale” ปัจจุบันมีกระเป๋าเงินดิจิทัลจำนวน 2,742 ใบที่ถือครอง XRP อย่างน้อยหนึ่งล้านเหรียญ โดยมูลค่าการถือครองรวมกันสูงถึง 47,320 ล้าน XRP แนวโน้มการสะสมเหรียญจำนวนมากโดยผู้เล่นรายใหญ่เหล่านี้บ่งชี้ถึงความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นต่อศักยภาพในอนาคตของ XRP และเป็นสัญญาณบวกที่แข็งแกร่งสำหรับตลาด ที่มา : Crypto News — — — — — — — — — — จำนวนการถือครอง Bitcoin ของบริษัทต่างๆ ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในไตรมาสที่ 2 ปี 2025 ความสนใจใน Bitcoin ของภาคธุรกิจพุ่งสูงขึ้นสู่ระดับที่ไม่เคยมีมาก่อนในไตรมาสที่สองของปี 2025 โดยบริษัทต่างๆ ได้เพิ่ม Bitcoin เข้าสู่พอร์ตการลงทุนของตนเองเป็นประวัติการณ์ถึง 159,107 BTC คิดเป็นมูลค่ากว่า 17,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเพิ่มขึ้น 23.13% จากไตรมาสก่อนหน้า ทำให้ยอดการถือครอง Bitcoin ทั้งหมดของบริษัทต่างๆ สูงถึงกว่า 847,000 BTC หรือคิดเป็นประมาณ 4% ของอุปทานสูงสุด ทำให้มูลค่ารวมของสินทรัพย์เหล่านี้พุ่งสูงถึง 91,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งได้รับแรงหนุนจากราคา Bitcoin ที่เพิ่มขึ้นถึง 60.93% ในช่วงไตรมาสดังกล่าว นอกจากนี้ จำนวนบริษัทมหาชนที่ถือครอง Bitcoin ก็เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยมีบริษัทใหม่ๆ เข้ามาในวงการถึง 46 แห่ง ทำให้มีบริษัทที่ถือครอง Bitcoin ทั้งหมด 125 แห่ง เพิ่มขึ้น 58.23% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ที่มา : Cointelegraph — — — — — — — — — — Bitcoin ETF มีเงินทุนไหลเข้ามหาศาล ใกล้แตะ 50,000 ล้านดอลลาร์ กองทุน Bitcoin ETF ในสหรัฐอเมริกากำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยมีเงินทุนไหลเข้ารวมสุทธิใกล้แตะหลัก 50,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หลังจากมีการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วซึ่งเห็นเงินทุนไหลเข้าสุทธิถึง 1,000 ล้านดอลลาร์ในเวลาเพียงสองวัน ความต้องการที่แข็งแกร่งใน Bitcoin ETF นี้สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นของนักลงทุนสถาบันต่อสกุลเงินดิจิทัลในฐานะสินทรัพย์ประเภทหนึ่งที่ถูกกฎหมาย การเข้าถึงที่ง่ายและกฎระเบียบที่ชัดเจนของ ETF กำลังดึงดูดนักลงทุนกลุ่มใหม่จากตลาดการเงินแบบดั้งเดิมให้เข้ามาสู่พื้นที่สินทรัพย์ดิจิทัล แนวโน้มนี้ไม่เพียงแต่เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงตลาด Bitcoin ที่กำลังเติบโตเต็มที่ แต่ยังเป็นสัญญาณบวกสำหรับระบบนิเวศคริปโตในวงกว้าง ซึ่งบ่งชี้ถึงศักยภาพในการเติบโตอย่างยั่งยืนและการยอมรับในกระแสหลัก ที่มา : The Block — — — — — — — — — — Tether เก็บทองคำมูลค่า 8,000 ล้านดอลลาร์ในห้องนิรภัยลับที่สวิตเซอร์แลนด์ มีรายงานว่า Tether Holdings SA บริษัทผู้ออกเหรียญ Stablecoin USDT ได้สร้างห้องนิรภัยความปลอดภัยสูงในประเทศสวิตเซอร์แลนด์เพื่อเก็บทองคำมูลค่า 8,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเทียบเท่ากับทองคำเกือบ 80 เมตริกตัน โดย Paolo Ardoino ซีอีโอของบริษัทได้ยืนยันการมีอยู่ของสถานที่แห่งนี้ซึ่งเป็นของบริษัทเอง โดยกล่าวว่ามันคือ “ห้องนิรภัยที่ปลอดภัยที่สุดในโลก” แม้ว่าที่ตั้งที่แน่นอนยังคงเป็นความลับด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย แต่ความเคลื่อนไหวนี้เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ของ Tether ในการสนับสนุนโทเคน XAUT ที่มีทองคำหนุนหลัง การตัดสินใจสร้างห้องนิรภัยของตนเองนั้นมาจากเหตุผลด้านความคุ้มค่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคาดการณ์ว่าการหมุนเวียนของโทเคนทองคำอาจสูงถึง 1 แสนล้านดอลลาร์ ทุนสำรองทองคำจำนวนมหาศาลนี้คิดเป็นประมาณ 5% ของทุนสำรองทั้งหมดของ USDT ซึ่งส่วนใหญ่ได้รับการสนับสนุนโดยพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ช่วยเพิ่มเสถียรภาพให้กับระบบนิเวศของ Tether อีกระดับหนึ่ง ที่มา : CryptoPotato — — — — — — — — — — Ant Group ของ Jack Ma เตรียมสร้างความร่วมมือครั้งสำคัญกับเหรียญ USDC ของ Circle ในการเคลื่อนไหวครั้งสำคัญสำหรับวงการการชำระเงินดิจิทัล Ant Group ของ Jack Ma ได้ร่วมมือกับ Circle เพื่อผนวกเหรียญ Stablecoin USDC เข้ากับแพลตฟอร์มบล็อกเชนของตนเอง ความร่วมมือนี้ซึ่งขึ้นอยู่กับการได้รับการอนุมัติด้านกฎระเบียบอย่างสมบูรณ์สำหรับ USDC ในสหรัฐอเมริกา เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ที่กว้างขึ้นของ Ant ในการนำสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้รับการกำกับดูแลมาใช้งาน การผนวกรวมนี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการชำระเงินข้ามพรมแดนและการดำเนินงานด้านการเงินของ Ant ซึ่งจัดการธุรกรรมทั่วโลกมูลค่ากว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว ความร่วมมือนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ Stablecoin กำลังได้รับแรงผลักดัน โดยมีความชัดเจนด้านกฎระเบียบที่เพิ่มขึ้นในศูนย์กลางทางการเงินที่สำคัญ เช่น ฮ่องกงและสหรัฐอเมริกา การเคลื่อนไหวเชิงกลยุทธ์นี้อาจปฏิวัติภูมิทัศน์การชำระเงินดิจิทัลของเอเชียโดยการลดต้นทุนการทำธุรกรรมและเพิ่มการใช้งาน Stablecoin ที่มา : The Block — — — — — — — — — — คำเตือน: -คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจํานวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ -ผลตอบแทนของสินทรัพย์ดิจิทัลในอดีตหรือผลการดําเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลตอบแทน ของสินทรัพย์ดิจิทัลหรือผลการดําเนินงานในอนาคต — — — — — — — — — — หากคุณยังเป็นมือใหม่ ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ในบทความ “แหล่งความรู้ มือใหม่หัดเทรดคริปโต เริ่มต้นที่นี่” แล้วมาเริ่มต้นเทรดได้วันนี้ที่ Bitkub Exchange → คลิกสมัครเลย — — — — — — — — — — Weekly News (5–11Jul 2025): XRP Hits 7-Week High | Corporate Bitcoin Holdings Break Records | Bitcoin ETF Inflows Approach $50 Billion The cryptocurrency market is experiencing positive momentum, with Bitcoin reaching a new all-time high of $117,902.91 (July 11, 2025). This is reflected in the record-breaking corporate investment in Bitcoin, with total holdings soaring to $91 billion in the second quarter of 2025, while US Bitcoin ETFs have seen cumulative inflows approaching $50 billion. This institutional confidence is also impacting the broader market, as XRP’s price surged to a seven-week high above $2.42, driven by large-scale accumulation from “Whales.” Key infrastructure developments further support this growth: Tether has enhanced its stability by storing $8 billion in gold in a Swiss vault, and Jack Ma’s Ant Group has partnered with Circle to integrate the USDC stablecoin — a historic deal poised to revolutionize digital payments across Asia. — — — — — — — — — — XRP Price Soars to 7-Week High Amid Increased Whale Activity XRP’s price has surged to a seven-week high, reaching over $2.42, marking a 4% increase in the last 24 hours and a 7% rise over the past week. This impressive performance is accompanied by a significant 74.1% jump in trading volume, which now stands at $4.54 billion. The rally is largely attributed to increased accumulation by “whale” investors. Currently, 2,742 wallets hold at least one million XRP each, with their collective holdings amounting to a staggering 47.32 billion XRP. This trend of large-scale accumulation by major players indicates a growing confidence in XRP’s future potential and is a strong bullish signal for the market. Source: Crypto News — — — — — — — — — — Corporate Bitcoin Holdings Hit Record High in Q2 2025 Corporate interest in Bitcoin has reached unprecedented levels in the second quarter of 2025, with companies adding a record 159,107 BTC to their treasuries, valued at over $17.6 billion. This represents a 23.13% increase from the previous quarter, bringing the total corporate Bitcoin holdings to over 847,000 BTC, which is about 4% of the total possible supply. The total value of these holdings has soared to $91 billion, fueled by a 60.93% increase in Bitcoin’s price during the quarter. The number of public companies holding Bitcoin has also seen a significant jump, with 46 new firms entering the space, bringing the total to 125, a 58.23% increase quarter-on-quarter. Source: Cointelegraph — — — — — — — — — — Bitcoin ETFs See Massive Inflows, Nearing $50 Billion Mark US spot Bitcoin ETFs are experiencing a surge in popularity, with cumulative net inflows approaching the $50 billion milestone. This comes after a rapid recovery that saw $1 billion in net inflows in just two days. The strong demand for Bitcoin ETFs highlights the growing institutional confidence in cryptocurrency as a legitimate asset class. The ease of access and regulatory compliance offered by ETFs are attracting a new wave of traditional investors into the digital asset space. This trend is not only a testament to Bitcoin’s maturing market but also a positive sign for the broader crypto ecosystem, indicating a potential for sustained growth and mainstream adoption. Source: The Block — — — — — — — — — — Tether Secretly Holds $8 Billion in Gold in a Swiss Vault Tether Holdings SA, the company behind the USDT stablecoin, has reportedly built a high-security vault in Switzerland to store $8 billion worth of gold, equivalent to nearly 80 metric tons. The company’s CEO, Paolo Ardoino, confirmed the existence of this facility, calling it “the most secure vault in the world.” While the exact location remains a secret for security reasons, this move is part of Tether’s strategy to bolster its gold-backed token, XAUT. The decision to build a private vault was driven by cost-effectiveness, especially with the anticipation of the gold token’s circulation potentially reaching $100 billion. This substantial gold reserve, representing about 5% of USDT’s total reserves, adds a new layer of stability to the Tether ecosystem, which is predominantly backed by U.S. Treasuries. Source: CryptoPotato — — — — — — — — — — Jack Ma’s Ant Group to Integrate Circle’s USDC Stablecoin In a significant move for the digital payment landscape, Jack Ma’s Ant Group is partnering with Circle to integrate the USDC stablecoin into its blockchain platform. This collaboration, contingent on full regulatory clearance for USDC in the U.S., is part of Ant’s broader strategy to incorporate regulated digital assets. The integration will enhance Ant’s cross-border payment and treasury operations, which handled over $1 trillion in global transactions last year. The partnership comes at a time of growing momentum for stablecoins, with increasing regulatory clarity in major financial hubs like Hong Kong and the U.S. This strategic move could revolutionize Asia’s digital payment landscape by reducing transaction costs and increasing the use of stablecoins. Source: The Block — — — — — — — — — — Disclaimer: - Cryptocurrency and digital tokens involve high risks; investors may lose all investment money and should study information carefully and make investments according to their own risk profile. -Past Returns does not guarantee future returns/performance. — — — — — — — — — — New to crypto? Learn the ropes with our beginner’s guide, ‘Crypto Knowledge for beginners’. When you’re ready, take the next step and start trading today at Bitkub Exchange. Click here to apply! — — — — — — — — — — — — — — — — — ข่าวรายสัปดาห์ 5–11 กรกฎาคม: ราคา XRP พุ่งสูงสุดในรอบ 7 สัปดาห์ | จำนวนการถือ BTC ของบริษัทต่างๆ was originally published in Bitkub.com on Medium, where people are continuing the conversation by highlighting and responding to this story.

สำหรับผู้ที่ชื่นชอบคริปโตที่กระตือรือร้นที่จะเจาะลึกในโลก Decentralized Finance (DeFi) ที่กำลังพัฒนาอย่างก้าวกระโดด KernelDAO โดดเด่นในฐานะโปรโตคอลการ Restaking แบบหลายเชนที่บุกเบิก KernelDAO ได้รับการออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานและความปลอดภัยของสินทรัพย์ดิจิทัลที่ถูก Stake ไว้ โดยเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมที่ช่วยให้สินทรัพย์ทำงานได้มากขึ้นในเครือข่ายบล็อกเชนต่างๆ KernelDAO คืออะไร? KernelDAO คือ โปรโตคอลแบบกระจายอำนาจที่เปิดใช้งาน “Restaking” ซึ่งเป็นกลไกที่สินทรัพย์ที่ถูก Stake ไว้ (เช่น ETH, BTC หรือ BNB) เพื่อรักษาความปลอดภัยของเครือข่ายบล็อกเชนและบริการที่ตรวจสอบได้อย่างแข็งขัน (AVSs) ได้พร้อมกัน ซึ่งที่ผ่านมาการ Stake แบบดั้งเดิมมักจะจำกัดสินทรัพย์ไว้ในเครือข่ายเดียว ซึ่งจำกัดศักยภาพของสินทรัพย์ แต่ทาง KernelDAO ทำลายข้อจำกัดนี้โดยนำเสนอแพลตฟอร์มแบบครบวงจรที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพเงินทุน ลดต้นทุนด้านความปลอดภัยสำหรับโครงการใหม่ๆ และปลดล็อกโอกาสในการสร้างผลตอบแทนเพิ่มเติมสำหรับผู้ใช้งาน โดยทำงานร่วมกับระบบนิเวศหลักๆ เช่น Ethereum และ BNB Chain และขยายขอบเขตการเข้าถึงผ่านการผสานรวมกับโซลูชัน Layer 2 จำนวนมาก คุณสมบัติโดดเด่นของ KernelDAO ระบบนิเวศของ KernelDAO สร้างขึ้นจากผลิตภัณฑ์สามตัวที่แตกต่างกันแต่เชื่อมโยงกัน ได้แก่ — Kernel (Shared Security Layer บน BNB Chain) เป็นโครงสร้างพื้นฐานการ Restaking พื้นฐานบน BNB Chain ผู้ใช้สามารถ Restake BNB, BTC และสินทรัพย์อื่นๆ ที่รองรับเพื่อมอบความปลอดภัยทางเศรษฐกิจสำหรับแอปพลิเคชันและเป็น middleware แบบกระจายอำนาจต่างๆ การรวมสินทรัพย์ที่ถูก Restake เข้าด้วยกัน ทำให้ Kernel สร้างความปลอดภัยทางเศรษฐกิจคริปโตเข้าถึงได้ง่ายขึ้นและคุ้มค่าสำหรับทั้งผู้มอบอำนาจ (ผู้ที่ได้รับรางวัลเพิ่มเติม) และนักพัฒนา (ผู้ที่ได้รับประโยชน์จากต้นทุนการบูตความปลอดภัยที่ต่ำกว่า) — Kelp (Liquid Restaking บน Ethereum) ในฐานะโปรโตคอล Liquid Restaking ชั้นนำบน Ethereum, Kelp ช่วยให้ผู้ใช้สามารถ Stake ETH และรับ RSETH ซึ่งเป็นโทเคน Liquid Restaked โทเคน RSETH นี้ยังคงสภาพคล่อง ทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าร่วมในแอปพลิเคชัน DeFi อื่นๆ เช่น การให้กู้ยืมและแหล่งรวมสภาพคล่อง (Liquidity Pools) ในขณะที่ยังคงได้รับทั้งรางวัลจากการ Stake และ Restake ทำให้ Kelp ได้กลายเป็นผู้เล่นที่สำคัญอย่างรวดเร็ว โดยมี Total Value Locked (TVL) จำนวนมากและการผสานรวมกับแพลตฟอร์ม DeFi จำนวนมาก — Gain (Automated Yield Vaults) นำเสนอ Vaults การเพิ่มประสิทธิภาพผลตอบแทนแบบ non-custodial ที่ซับซ้อน ซึ่ง Vaults จะทำให้การทำฟาร์ม การ Stake และโอกาสการ Airdrop ที่ซับซ้อนเป็นไปโดยอัตโนมัติ ทำให้กระบวนการสร้างรายได้แบบ Passive Income ง่ายขึ้น โดยได้รับการออกแบบมาเพื่อเพิ่มผลตอบแทนสูงสุดโดยการปรับใช้สินทรัพย์ในโปรโตคอลต่างๆ ซึ่งนำเสนอวิธีที่ใช้งานง่ายในการนำทางกลยุทธ์ DeFi ที่หลากหลาย นอกเหนือจากผลิตภัณฑ์เหล่านี้ KernelDAO ยังให้ความสำคัญกับความปลอดภัยที่แข็งแกร่ง โดยรวมกลไกการประกันในตัว การตรวจสอบความปลอดภัยโดยชุมชน และระบบนิเวศที่โปร่งใสและร่วมมือกันเพื่อลดความเสี่ยง ผู้ก่อตั้ง KernelDAO KernelDAO ก่อตั้งโดย Amitej Gajjala และ Dheeraj Borra ทั้งคู่เป็นผู้สร้างที่มีประสบการณ์มากมายในระบบนิเวศ Web3 และ Decentralized Finance ซึ่งเป็นผู้ขับเคลื่อนวิสัยทัศน์ของ KernelDAO ในการเชื่อมโยงการ Stake, Liquid Restaking และการเพิ่มประสิทธิภาพผลตอบแทน KERNEL Token คืออะไร? KERNEL token เป็น Governance Token ของระบบนิเวศ KernelDAO มีบทบาทสำคัญในการทำงานและแบบจำลองทางเศรษฐกิจของโปรโตคอล โดยมีวัตถุประสงค์ที่สำคัญหลายประการ — การกำกับดูแล: ผู้ถือ KERNEL มีอำนาจในการเข้าร่วมในการกำกับดูแลแบบกระจายอำนาจ โดยโหวตข้อเสนอสำคัญ การอัปเกรดโปรโตคอล การเลือกผู้ตรวจสอบ และโครงสร้างค่าธรรมเนียมสำหรับระบบนิเวศทั้งหมด — การ Stake และความปลอดภัย: การ Stake KERNEL token มีส่วนช่วยในการรักษาความปลอดภัยทางเศรษฐกิจของโปรโตคอลที่สร้างขึ้นบน KernelDAO ทำให้ผู้ Stake ได้รับรางวัลและทำหน้าที่เป็นหลักประกันต่อความเสี่ยงจากการถูกตัดสิทธิ์ (Slashing) ที่อาจเกิดขึ้น — สิ่งจูงใจ: KERNEL token ใช้เพื่อจูงใจการมีส่วนร่วมอย่างแข็งขัน โดยให้รางวัลแก่ผู้ใช้ที่เข้าร่วมในการ Restaking ผู้ตรวจสอบที่รักษาความปลอดภัยเครือข่าย และนักพัฒนาที่สนับสนุนการเติบโตของระบบนิเวศ — ใช้เพื่ออรรถประโยชน์: KERNEL ช่วยอำนวยความสะดวกในการชำระเงินภายใน การดำเนินการข้ามเชน และการเข้าถึงคุณสมบัติเฉพาะภายในชุด KernelDAO การจัดสรรโทเคนและ Tokenomics อุปทานรวมของ KERNEL token โดยทั่วไปคือ 1 พันล้าน (1,000,000,000) KERNEL โทเคนโนมิกส์ได้รับการออกแบบมาเพื่อส่งเสริมระบบนิเวศที่แข็งแกร่งและขับเคลื่อนด้วยชุมชน โดยมีส่วนสำคัญที่จัดสรรไว้สำหรับสิ่งจูงใจผู้ใช้ — รางวัลชุมชนและการ Airdrop 55% ถูกจัดสรรให้สำหรับรางวัลชุมชนและแคมเปญ Airdrop ต่างๆ สิ่งนี้เน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของ KernelDAO ในการกระจายวงกว้างและจูงใจการมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันจากฐานผู้ใช้ — ทีม 20% จัดสรรให้แก่ทีมผู้ก่อตั้งและที่ปรึกษา โดยปกติจะมีตารางการ Vesting หลายปีเพื่อให้มั่นใจถึงความสอดคล้องในระยะยาวกับความสำเร็จของโครงการ — นักลงทุน Private Sale 20% จัดสรรให้แก่นักลงทุน Private Sale ซึ่งมักจะมีระยะเวลาการ Vesting เช่นกัน — สำหรับระบบนิเวศและ Partner 5% จัดสรรให้กับพันธมิตรในระบบนิเวศ ผู้สร้างตลาด และสภาพคล่องบนเครือข่าย กลยุทธ์การจัดสรรนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเน้นหนักไปที่รางวัลชุมชน มีเป้าหมายที่จะสร้างฐานผู้ใช้ที่แข็งแกร่งและมีส่วนร่วม และรับประกันความยั่งยืนและการกระจายอำนาจของโปรโตคอล KernelDAO ในระยะยาว ข้อมูลน่าสนใจด้านราคาของ KERNEL ข้อมูลจากเว็บไซต์ CoinMarketCap เมื่อวันที่ 4 ก.ค. 2025 เหรียญ KERNEL มีมูลค่าตามราคาตลาด (Market cap) ที่ 17,589,012 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 569,142,170 บาท ณ เวลาที่เขียนบทความนี้ เหรียญ KERNEL ซื้อขายกันอยู่ที่ราคาประมาณ 0.1065 ดอลลาร์ หรือประมาณ 3.44 บาทต่อ 1 KERNEL โดย KERNEL เคยทำราคาสูงสุด (All-time high) ที่ 0.4646 ดอลลาร์ หรือประมาณ 15.02 บาท ต่อ 1 KERNEL เมื่อวันที่ 14 เมษายน 2025 อ้างอิง : KernelDAO, CoinMarketCap — — — — — — — — — — — — — — — — — หากคุณยังเป็นมือใหม่ ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ในบทความ “แหล่งความรู้ มือใหม่หัดเทรดคริปโต เริ่มต้นที่นี่” แล้วมาเริ่มต้นเทรดได้วันนี้ที่ Bitkub Exchange → คลิกสมัครเลย — — — — — — — — — — — — — — — — — ​​- คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจํานวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ - ผลตอบแทนของสินทรัพย์ดิจิทัลในอดีตหรือผลการดําเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลตอบแทน ของสินทรัพย์ดิจิทัลหรือผลการดําเนินงานในอนาคต — — — — — — — — — — — — — — — — — KERNEL Token from KernelDAO: The Multi-Chain Restaking Protocol For crypto enthusiasts eager to delve into the rapidly evolving world of Decentralized Finance (DeFi), KernelDAO stands out as a pioneering multi-chain restaking protocol. Designed to optimize the utility and security of staked digital assets, KernelDAO leads innovation by enabling assets to work harder across various blockchain networks. What is KernelDAO? KernelDAO is a decentralized protocol that enables “Restaking,” a mechanism where staked assets (such as ETH, BTC, or BNB) can simultaneously secure multiple blockchain networks and Actively Validated Services (AVSs). Traditionally, staking often limits assets to a single network, restricting their potential. KernelDAO breaks this limitation by offering a comprehensive platform that enhances capital efficiency, reduces security costs for new projects, and unlocks additional yield opportunities for users. It operates within major ecosystems like Ethereum and BNB Chain and expands its reach through integrations with numerous Layer 2 solutions. Key Features of KernelDAO KernelDAO’s ecosystem is built upon three distinct yet interconnected products: — Kernel (Shared Security Layer on BNB Chain): This is the fundamental restaking infrastructure on the BNB Chain. Users can restake BNB, BTC, and other supported assets to provide economic security for various decentralized applications and middleware. By pooling restaked assets, Kernel makes crypto-economic security more accessible and cost-effective for both delegators (who receive additional rewards) and developers (who benefit from lower security bootstrapping costs). — Kelp (Liquid Restaking on Ethereum): As a leading liquid restaking protocol on Ethereum, Kelp allows users to stake ETH and receive RSETH, a liquid restaked token. This RSETH token maintains liquidity, enabling users to participate in other DeFi applications like lending and liquidity pools while still earning both staking and restaking rewards. Kelp has quickly become a significant player, boasting substantial Total Value Locked (TVL) and extensive integrations with various DeFi platforms. — Gain (Automated Yield Vaults): Gain offers sophisticated, non-custodial yield optimization vaults. These vaults automate complex farming, staking, and Airdrop opportunities, simplifying the process of generating passive income. They are designed to maximize returns by deploying assets across various protocols, providing a user-friendly way to navigate diverse DeFi strategies. Beyond these products, KernelDAO prioritizes robust security, incorporating built-in insurance mechanisms, community-driven security audits, and a transparent, collaborative ecosystem to mitigate risks. KernelDAO Founders KernelDAO was founded by Amitej Gajjala and Dheeraj Borra. Both are experienced builders with extensive backgrounds in the Web3 ecosystem and Decentralized Finance, driving KernelDAO’s vision to bridge staking, liquid restaking, and yield optimization. What is the KERNEL Token? The KERNEL token is the governance token of the KernelDAO ecosystem. It plays a crucial role in the protocol’s functionality and economic model, serving several key purposes: — Governance: KERNEL holders have the power to participate in decentralized governance, voting on key proposals, protocol upgrades, validator selection, and fee structures for the entire ecosystem. — Staking and Security: Staking KERNEL tokens contributes to the economic security of protocols built on KernelDAO, earning stakers rewards and acting as collateral against potential slashing risks. — Incentives: KERNEL tokens are used to incentivize active participation, rewarding users who engage in restaking, validators who secure the network, and developers who contribute to the ecosystem’s growth. — Utility: KERNEL facilitates internal payments, cross-chain operations, and access to specific features within the KernelDAO suite. Token Allocation and Tokenomics The total supply of KERNEL tokens is typically 1 billion (1,000,000,000) KERNEL. The tokenomics are designed to foster a robust and community-driven ecosystem, with a significant portion allocated to user incentives: — Community Rewards & Airdrops: 55% is allocated for community rewards and various Airdrop campaigns. This underscores KernelDAO’s commitment to broad distribution and incentivizing active participation from its user base. — Team: 20% is allocated to the founding team and advisors, typically subject to multi-year vesting schedules to ensure long-term alignment with the project’s success. — Private Sale Investors: 20% is allocated to private sale investors, also often subject to vesting periods. — Ecosystem and Partners: 5% is allocated to ecosystem partners, market makers, and on-chain liquidity. This allocation strategy, particularly the strong emphasis on community rewards, aims to build a robust, engaged user base and ensure the long-term sustainability and decentralization of the KernelDAO protocol. KERNEL Price Insights According to CoinMarketCap data as of July 4, 2025, the KERNEL coin has a market cap of $17,589,012 USD, or approximately 569,142,170 Thai Baht. At the time of writing, KERNEL is trading at approximately $0.1065 USD, or about 3.44 Thai Baht per 1 KERNEL. KERNEL reached its all-time high of $0.4646 USD, or approximately 15.02 Thai Baht per 1 KERNEL, on April 14, 2025. Reference: KernelDAO, CoinMarketCap — — — — — — — — — — — — — — — — — New to crypto? Learn the ropes with our beginner’s guide, ‘Crypto Knowledge for beginners’. When you’re ready, take the next step and start trading today at Bitkub Exchange. Click here to apply! — — — — — — — — — — — — — — — — — Disclaimer: — Cryptocurrency and digital tokens involve high risks; investors may lose all investment money and should study information carefully and make investments according to their own risk profile. — Past Returns does not guarantee future returns/performance. KERNEL โทเคนจาก KernelDAO โปรโตคอลการ Restaking แบบหลายเชน was originally published in Bitkub.com on Medium, where people are continuing the conversation by highlighting and responding to this story.

ในโลกของ Web3 ที่เต็มไปด้วยนวัตกรรมที่รวดเร็วและการกระจายอำนาจ มีความท้าทายที่สำคัญอย่างหนึ่งคือ ข้อมูลจำนวนมากและกระจัดกระจาย ข้อมูลต่างๆ กระจัดกระจายอยู่ตามแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียมากมาย ฟอรัมการกำกับดูแล เอกสารงานวิจัย และอื่นๆ อีกมากมาย ทำให้เป็นเรื่องยากอย่างยิ่งสำหรับทุกคน ตั้งแต่ผู้ที่สนใจตลอดจนไปถึงมืออาชีพที่มีประสบการณ์ ในการแยกแยะข้อมูลเชิงลึกที่แท้จริงออกจากสิ่งรบกวน นี่คือจุดที่ Kaito (Kaito AI) เข้ามาแก้ปัญหา แพลตฟอร์มที่ขับเคลื่อนด้วย AI สุดล้ำนี้ออกแบบมาเพื่อจัดการกับความวุ่นวายของข้อมูล และสร้างกระบวนทัศน์ใหม่ที่เรียกว่า “Information Finance (InfoFi)” Kaito คืออะไร? Kaito คือ แพลตฟอร์มข้อมูล Web3 ที่ขับเคลื่อนด้วย AI เป็นนวัตกรรมใหม่ ทำหน้าที่เป็นเครื่องมือค้นหาเฉพาะทางและศูนย์ข้อมูลอัจฉริยะสำหรับระบบนิเวศของคริปโทเคอร์เรนซีและบล็อกเชน ภารกิจหลักของ Kaito คือการเปลี่ยนข้อมูลคริปโตที่ไม่มีโครงสร้างจำนวนมหาศาลให้เป็นข้อมูลเชิงลึกที่นำไปใช้ได้จริงแบบเรียลไทม์ ด้วยการใช้ประโยชน์จากปัญญาประดิษฐ์ขั้นสูง โดย Kaito จะรวบรวม กรอง และวิเคราะห์ข้อมูลจากแหล่ง Web3 จากหลากหลายนับพันแหล่ง ทำหน้าที่เหมือน “บรรณารักษ์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI” สำหรับคริปโต ที่ส่งมอบความรู้ที่คัดสรรมาอย่างแม่นยำ มีคุณค่า และนำไปใช้ได้จริง เพื่อช่วยให้ผู้ใช้สามารถสำรวจโลกของสินทรัพย์ดิจิทัลที่ซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว คุณสมบัติโดดเด่นของ Kaito สถาปัตยกรรมที่ซับซ้อนของ Kaito นำเสนอชุดคุณสมบัติที่ก้าวล้ำกว่าเครื่องมือค้นหาทั่วไป ได้แก่ — Kaito Pro: ผลิตภัณฑ์เรือธงของแพลตฟอร์ม เป็นเครื่องมือค้นหาที่ขับเคลื่อนด้วย AI ขั้นสูงซึ่งสร้างขึ้นเพื่อสำหรับโลกคริปโตโดยเฉพาะ สำหรับ Kaito Pro จัดทำดัชนีและประมวลผลข้อมูลจากแหล่ง Web3 ที่หลากหลาย รวมถึงฟอรัมการกำกับดูแล การสนทนาใน Discord พอดแคสต์ บันทึกการประชุม และเอกสารงานวิจัยเชิงลึก เพื่อเปลี่ยนข้อมูลดิบเหล่านี้ให้เป็นสรุปที่กระชับและใช้เครื่องมืออันทรงพลัง เช่น MetaSearch สำหรับการค้นหาที่ครอบคลุม, Smart Alerts สำหรับการแจ้งเตือนแบบเรียลไทม์เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของตลาด, Sentiment Analytics เพื่อวัดความรู้สึกของตลาด, และ Catalyst Calendar เพื่อติดตามเหตุการณ์สำคัญ โมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLMs) ที่สร้างขึ้นเองนั้นได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะด้วยการเข้าถึงข้อมูลเว็บแบบเรียลไทท์ ซึ่งทำให้แตกต่างจากทั่วไป ภาพแสดงหน้าตาของ Kaito Pro– ที่มา : Kaito Docs ภาพแสดงหน้าตาของ Kaito Pro แสดงการติดตามข่าวสารล่าสุด, Market sentiment และตัวเร่งความเปลี่ยนแปลงในตลาดที่จะเกิดขึ้นผ่านรายการเฝ้าดูที่กำหนดเอง — ที่มา : Kaito Docs — Kaito Yaps: เพื่อตอบสนองต่อ “attention economy” ของ Web3, Kaito Yaps ได้นำเสนอระบบแบบ Tokenized ใช้ประโยชน์จากอัลกอริทึม AI ที่ซับซ้อนเพื่อวัดมูลค่าและอิทธิพลของเนื้อหาที่ผู้ใช้สร้างขึ้นบนแพลตฟอร์มต่างๆ เช่น X ด้วยการวิเคราะห์ปัจจัยต่างๆ เช่น ความเกี่ยวข้องกับคริปโต นอกจากนี้ Kaito Yaps จะให้รางวัลแก่ผู้ใช้สำหรับข้อมูลเชิงลึกที่แท้จริงและมีคุณภาพสูง ซึ่งก้าวข้ามจากการวัดผลแบบผิวเผิน คะแนน “Yaps” ที่ได้รับจะสะท้อนถึงอิทธิพลที่แท้จริงของผู้สร้าง และสามารถแปลงเป็นโทเค็น KAITO ได้ ซึ่งส่งเสริมระบบนิเวศเนื้อหาที่อิงตามคุณค่า ภาพแสดงหน้าตาของ Kaito Yaps — ที่มา : Kaito Docs — Kaito Connect: เครือข่าย InfoFi (Information Finance) ที่ขับเคลื่อนด้วย AI นี้เป็นส่วนเชื่อมโยงของระบบนิเวศ Kaito ส่งเสริมการกระจายความสนใจและเงินทุนที่มีความโปร่งใสและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ด้วยการใช้ประโยชน์จาก Knowledge Graphs นอกจากนี้ Kaito Connect ช่วยให้มั่นใจว่าการมีส่วนร่วมที่มีคุณค่าได้รับการยอมรับและให้รางวัลอย่างเหมาะสม โดยปรับให้สิ่งจูงใจสอดคล้องกันสำหรับผู้สร้าง ผู้ใช้ และแบรนด์ภายในกรอบการกระจายอำนาจ คุณสมบัติต่างๆ เช่น Yapper Launchpad ช่วยให้ชุมชนสามารถลงคะแนนเสียงในการรณรงค์ของแบรนด์และเรื่องราวต่างๆ ซึ่งมีผลโดยตรงต่อการกระจายรางวัล ภาพแสดงหน้าตาของ Kaito Connect — ที่มา : Kaito Docs ผู้ก่อตั้ง Kaito Kaito ก่อตั้งขึ้นในปี 2022 โดย Yu Hu และ Yunzhong He โดย Yu Hu ซึ่งดำรงตำแหน่ง CEO นำภูมิหลังทางการเงินที่แข็งแกร่งมาสู่โครงการ โดยเคยทำงานเป็นนักวิเคราะห์ที่บริษัทการเงินชั้นนำอย่าง Citadel และ Deutsche Bank ประสบการณ์ส่วนตัวของเขาเกี่ยวกับลักษณะข้อมูลคริปโตที่กระจัดกระจายและมีจำนวนมาก เป็นแรงผลักดันในการสร้าง Kaito ทีมงานประกอบด้วยผู้มีความสามารถหลากหลาย รวมถึงผู้จัดการกองทุนจาก Citadel อดีตวิศวกร AI จาก Silicon Valley นักวิจัยเชิงวิชาการ และนักพัฒนาบล็อกเชนที่มีประสบการณ์ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงแนวทางสหวิทยาการของ Kaito ที่ได้รับความสนใจและการสนับสนุนอย่างรวดเร็ว โดยระดมทุนได้รวมกว่า 10.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากการระดมทุนสองรอบ โดยได้รับการสนับสนุนจากบริษัทร่วมทุนที่มีชื่อเสียง เช่น Dragonfly Capital, Sequoia Capital China, The Spartan Group และ Jane Street โทเคน KAITO คืออะไร? โทเคน KAITO เป็น Native Token ของระบบนิเวศ Kaito ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของโมเดล Information Finance (InfoFi) แบบกระจายอำนาจ ประโยชน์ใช้สอยของโทเคนมีหลากหลายและมีความสำคัญต่อการดำเนินงานของแพลตฟอร์ม ได้แก่ — การกำกับดูแล: ผู้ถือโทเคน KAITO มีสิทธิ์ในการลงคะแนนเสียง ทำให้พวกเขาสามารถมีส่วนร่วมในการกำกับดูแลแบบกระจายอำนาจ สิ่งนี้ช่วยให้พวกเขาสามารถเสนอและลงคะแนนเสียงในการอัปเกรดโปรโตคอล การตัดสินใจที่สำคัญ และทิศทางเชิงกลยุทธ์โดยรวมของแพลตฟอร์ม Kaito เพื่อให้มั่นใจว่าการพัฒนาเป็นไปตามทิศทางของชุมชน — สกุลเงินเครือข่าย: KAITO ทำหน้าที่เป็นสื่อกลางหลักในการแลกเปลี่ยนภายในระบบนิเวศ Kaito อำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรม การเข้าถึงบริการ และการโต้ตอบระหว่างผู้เข้าร่วม — สิ่งจูงใจและรางวัล: ผู้ใช้จะได้รับแรงจูงใจโดยตรงในการมีส่วนร่วมในข้อมูลเชิงลึกที่มีคุณค่าและมีส่วนร่วมกับแพลตฟอร์มอย่างแข็งขัน ผ่านโปรแกรมต่างๆ เช่น Kaito Yaps ผู้ใช้สามารถรับโทเคน KAITO (หรือแปลง “Yaps” ที่ได้รับ) โดยการสร้างเนื้อหาคุณภาพสูงและการเข้าร่วมในการสนทนา ซึ่งส่งเสริมชุมชนที่มีชีวิตชีวาและมีประสิทธิผล — การเข้าถึงแบบพรีเมียมและการ Staking: การถือครองหรือ Staking โทเคน KAITO สามารถปลดล็อกการเข้าถึงคุณสมบัติพรีเมียม เครื่องมือวิเคราะห์ขั้นสูง และเนื้อหาพิเศษภายในแพลตฟอร์ม Kaito Pro นอกจากนี้ การ Staking ยังช่วยให้ผู้ถือสามารถรับรางวัลและเพิ่มอิทธิพลของพวกเขาภายในกรอบการกำกับดูแล ซึ่งส่งเสริมความปลอดภัยและความมั่นคงของเครือข่าย การจัดสรรโทเคนและ Tokenomics KAITO มีอุปทานรวม 1,000 ล้านโทเคน พร้อมด้วยโมเดล Tokenomics ที่มีโครงสร้างที่ออกแบบมาเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนและการขยายระบบนิเวศ การจัดสรรมีดังนี้ – ระบบนิเวศและการเติบโตของเครือข่าย: 32.2% ของอุปทานถูกจัดสรรเพื่อขับเคลื่อนการขยายระบบนิเวศ Kaito ซึ่งครอบคลุมเงินช่วยเหลือ การเป็นหุ้นส่วนเชิงกลยุทธ์ และการริเริ่มการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง – ผู้ร่วมก่อตั้งหลัก: 25% ถูกจัดสรรให้กับทีมพัฒนาหลัก เพื่อให้มั่นใจถึงความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องและการสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ระยะยาวของโครงการ ซึ่งอยู่ภายใต้กำหนดการ Vesting – ชุมชนเริ่มต้นและการอ้างสิทธิ์ในระบบนิเวศ: 10% ถูกจัดสรรให้กับสมาชิกชุมชนยุคแรกๆ รวมถึงผู้ถือ Genesis NFT และผู้เข้าร่วมที่กระตือรือร้น ซึ่งมักจะปลดล็อกทันทีที่ TGE (Token Generation Event) – Foundation: 10% ถูกสงวนไว้สำหรับมูลนิธิ Kaito เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานระยะยาวและการริเริ่มเชิงกลยุทธ์ – ผู้สนับสนุนเริ่มต้น: 8.3% ถูกจัดสรรให้กับนักลงทุนรายแรกและพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ โดยทั่วไปจะมีระยะเวลา Vesting หลายปีเพื่อป้องกันการอิ่มตัวของตลาดในทันที – สิ่งจูงใจสำหรับผู้สร้างในระยะยาว: 7.5% ถูกจัดสรรเพื่อให้รางวัลแก่ผู้สร้างเนื้อหาที่มีคุณค่าอย่างต่อเนื่อง ส่งเสริมการไหลเวียนของข้อมูลคุณภาพสูงอย่างยั่งยืน สิ่งจูงใจเหล่านี้มักจะมีกำหนดการปลดล็อกที่เฉพาะเจาะจง – สิ่งจูงใจด้านสภาพคล่อง: 5% ถูกจัดสรรเพื่อให้สภาพคล่องสำหรับโทเค็นในการแลกเปลี่ยนและสนับสนุนโปรแกรม Staking เพื่อรักษาสุขภาพของตลาด – Binance HODLer Airdrop: 2% ถูกกำหนดไว้สำหรับการ Airdrop โดยเฉพาะผ่านโปรแกรม Binance HODLer Airdrop ซึ่งเป็นการขยายการกระจายโทเค็น กำหนดการ Vesting ที่รอบคอบสำหรับการจัดสรรต่างๆ ซึ่งบางส่วนจะปลดล็อกเมื่อ TGE และบางส่วนอยู่ภายใต้ระยะเวลาปลดล็อกหลายปี (เช่น ผู้ร่วมก่อตั้งหลักและผู้สนับสนุนเริ่มต้นมักจะมีระยะเวลาล็อค 1 ปี ตามด้วยการปลดล็อกรายเดือน 3 ปี) มีเป้าหมายเพื่อให้มั่นใจว่าอุปทานจะถูกปล่อยออกมาอย่างควบคุม ส่งเสริมความมุ่งมั่นในระยะยาว และป้องกันการหยุดชะงักของตลาดในวงกว้าง ด้วยการรวม AI ล้ำสมัยเข้ากับกลไกบล็อกเชนที่แข็งแกร่ง Kaito จึงพร้อมที่จะกำหนดนิยามใหม่ของการเข้าถึง การให้คุณค่า และการกระจายข้อมูลในยุค Web3 ข้อมูลน่าสนใจด้านราคาของ KAITO ข้อมูลจากเว็บไซต์ CoinMarketCap เมื่อวันที่ 4 ก.ค. 2025 เหรียญ KAITO มีมูลค่าตามราคาตลาด (Market cap) ที่ 379,987,871 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 12,279,249,290 บาท ณ เวลาที่เขียนบทความนี้ เหรียญ KAITO ซื้อขายกันอยู่ที่ราคาประมาณ 1.57 ดอลลาร์ หรือประมาณ 50.87 บาทต่อ 1 KAITO โดย KAITO เคยทำราคาสูงสุด (All-time high) ที่ 2.92 ดอลลาร์ หรือประมาณ 94.47 บาท ต่อ 1 KAITO เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2025 อ้างอิง : Kaito Docs — — — — — — — — — — — — — — — — — หากคุณยังเป็นมือใหม่ ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ในบทความ “แหล่งความรู้ มือใหม่หัดเทรดคริปโต เริ่มต้นที่นี่” แล้วมาเริ่มต้นเทรดได้วันนี้ที่ Bitkub Exchange → คลิกสมัครเลย — — — — — — — — — — — — — — — — — ​​- คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจํานวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ - ผลตอบแทนของสินทรัพย์ดิจิทัลในอดีตหรือผลการดําเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลตอบแทน ของสินทรัพย์ดิจิทัลหรือผลการดําเนินงานในอนาคต — — — — — — — — — — — — — — — — — Kaito: Pioneering the Information Finance (InfoFi) Era in Web3 The Web3 landscape, with its rapid innovations and decentralized nature, presents a unique challenge: information overload and fragmentation. Data is scattered across countless social platforms, governance forums, research papers, and more, making it incredibly difficult for anyone — from curious enthusiasts to seasoned professionals — to discern real insights from mere noise. This is precisely where Kaito (Kaito AI) steps in. This cutting-edge AI-powered platform is designed to tackle this data chaos head-on, establishing a new paradigm we call “Information Finance (InfoFi).” What is Kaito? Kaito is an innovative AI-powered Web3 information platform that acts as a specialized search engine and intelligence hub for the cryptocurrency and blockchain ecosystem. Its core mission is simple: transform the massive volume of unstructured crypto data into actionable, real-time insights. By leveraging advanced artificial intelligence, Kaito diligently collects, filters, and analyzes information from thousands of diverse Web3 sources. Think of it as an “AI-powered librarian” for crypto, delivering precisely curated, valuable, and practical knowledge to help you navigate the complex and fast-moving world of digital assets. Kaito’s Standout Features Kaito’s sophisticated architecture boasts a suite of features that go far beyond what you’d expect from conventional search tools: – Kaito Pro: This is the platform’s flagship offering — an advanced AI-driven search engine built specifically for the crypto space. Kaito Pro indexes and processes data from an unparalleled range of Web3 sources, including obscure governance forums, lively Discord discussions, podcasts, conference transcripts, and in-depth research papers. It then transforms this raw data into concise, relevant summaries and provides powerful tools like MetaSearch for comprehensive coverage, Smart Alerts for real-time notifications on market shifts, Sentiment Analytics to gauge market sentiment, and a Catalyst Calendar to track major events. Its custom-built Large Language Models (LLMs) are uniquely designed with live web data access, truly setting them apart. The image shows the interface of Kaito Pro — Source: Kaito Docs The image displays the Kaito Pro interface, showing how it tracks the latest news, market sentiment, and upcoming market catalysts through customized watchlists — Source : Kaito Docs – Kaito Yaps: Addressing Web3’s “attention economy,” Kaito Yaps introduces a tokenized attention system. It employs sophisticated AI algorithms to measure the true value and influence of user-generated content on platforms like X (formerly Twitter). By analyzing factors such as crypto relevance and genuine engagement, Kaito Yaps rewards users for high-quality, insightful contributions, moving beyond superficial metrics. The “Yaps” points earned reflect a creator’s real influence and can be converted into KAITO tokens, fostering a merit-based content ecosystem. The image displays the Kaito Yaps interface. — Source: Kaito Docs – Kaito Connect: This AI-powered InfoFi (Information Finance) network serves as the connective tissue of the Kaito ecosystem. It promotes a more transparent and efficient distribution of attention and capital. By leveraging knowledge graphs and semantic understanding, Kaito Connect ensures that valuable contributions are recognized and rewarded appropriately, aligning incentives for creators, users, and brands within a decentralized framework. Features like the Yapper Launchpad even allow the community to vote on brand campaigns and narratives, directly influencing reward distribution. The image displays the Kaito Connect interface. — Source: Kaito Docs Who Founded Kaito? Kaito was co-founded in 2022 by Yu Hu and Yunzhong He. Yu Hu, who serves as CEO, brings a strong financial background to the project, having previously worked as an analyst at prominent firms like Citadel and Deutsche Bank. His personal frustration with the fragmented and overwhelming nature of crypto information was the primary catalyst for Kaito’s creation. The Kaito team is a diverse pool of talent, including former Citadel money managers, Silicon Valley AI engineers, academic researchers, and experienced blockchain developers — a true reflection of Kaito’s interdisciplinary approach. Kaito has quickly garnered significant attention and support, raising over $10.8 million USD across two funding rounds, with backing from esteemed venture capital firms such as Dragonfly Capital, Sequoia Capital China, The Spartan Group, and Jane Street. What is the KAITO Token? The KAITO token is the native cryptocurrency of the Kaito ecosystem, acting as the backbone for its decentralized Information Finance (InfoFi) model. Its utility is multifaceted and absolutely crucial to the platform’s operation: – Governance: KAITO token holders are granted voting rights, enabling them to actively participate in decentralized governance. This allows them to propose and vote on protocol upgrades, key decisions, and the overall strategic direction of the Kaito platform, ensuring community-driven development. – Network Currency: KAITO functions as the primary medium of exchange within the Kaito ecosystem, facilitating transactions, access to services, and interactions among participants. – Incentives and Rewards: Users are directly incentivized to contribute valuable insights and actively engage with the platform. Through programs like Kaito Yaps, users can earn KAITO tokens (or convert earned “Yaps”) by creating high-quality content and participating in discussions, fostering a vibrant and productive community. – Premium Access & Staking: Holding or staking KAITO tokens can unlock access to premium features, advanced analytical tools, and exclusive content within the Kaito Pro platform. Additionally, staking allows holders to earn rewards and potentially increase their influence within the governance framework, contributing to network security and stability. Token Allocation and Tokenomics KAITO has a total supply of 1 billion tokens, with a structured tokenomics model designed for long-term sustainability and ecosystem growth. The allocation is as follows: – Ecosystem & Network Growth: 32.2% of the supply is dedicated to expanding the Kaito ecosystem, covering grants, strategic partnerships, and ongoing development initiatives. – Core Contributors: 25% is allocated to the core development team, ensuring their continued commitment and alignment with the project’s long-term vision, subject to vesting schedules. – Initial Community & Ecosystem Claim: 10% was allocated to early community members, including Genesis NFT holders and active participants, often with immediate unlocks at TGE (Token Generation Event). – Foundation: 10% is reserved for the Kaito Foundation, supporting long-term operations and strategic initiatives. – Early Backers: 8.3% is allocated to early investors and strategic partners, typically with multi-year vesting periods to prevent immediate market saturation. – Long-term Creator Incentives: 7.5% is dedicated to continuously rewarding valuable content creators, fostering a sustainable flow of high-quality information. These incentives often have specific unlock schedules. – Liquidity Incentives: 5% is allocated to provide liquidity for the token on exchanges and support staking programs, ensuring market health. – Binance HODLer Airdrop: 2% was specifically designated for an airdrop through the Binance HODLer Airdrop program, expanding token distribution. The thoughtful vesting schedules for various allocations, with some unlocked at TGE and others subject to multi-year unlock periods (e.g., core contributors and early backers typically have a 1-year cliff followed by 3-year monthly unlocks), aim to ensure a controlled supply release, foster long-term commitment, and prevent large-scale market disruption. By combining cutting-edge AI with robust blockchain mechanisms, Kaito is truly poised to redefine how information is accessed, valued, and distributed in the Web3 era. Interesting KAITO Price Data According to CoinMarketCap data from July 4, 2025, the KAITO coin has a market cap of approximately $379,987,871 USD. As of the time of writing, the KAITO coin is trading at around $1.57 USD per KAITO. KAITO reached its all-time high of $2.92 USD per KAITO on February 27, 2025. Reference: Kaito Docs — — — — — — — — — — — — — — — — — New to crypto? Learn the ropes with our beginner’s guide, ‘Crypto Knowledge for beginners’. When you’re ready, take the next step and start trading today at Bitkub Exchange. Click here to apply! — — — — — — — — — — — — — — — — — Disclaimer: — Cryptocurrency and digital tokens involve high risks; investors may lose all investment money and should study information carefully and make investments according to their own risk profile. — Past Returns does not guarantee future returns/performance. Kaito แพลตฟอร์มด้านข้อมูล Web3 ผู้บุกเบิกยุค Information Finance (InfoFi) was originally published in Bitkub.com on Medium, where people are continuing the conversation by highlighting and responding to this story.

Bitkub Exchange และ Bitkub Academy ประกาศความร่วมมือ WalletConnect ผลักดันการเชื่อมต่อกระเป๋าเงินดิจิทัลในประเทศไทย เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2568 บริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด ผู้ให้บริการ Bitkub Exchange ศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลชั้นนำในไทย และบริษัท บิทคับ แล็บส์ จำกัด ผู้ให้บริการ Bitkub Academy ศูนย์กลางการเรียนรู้ด้านเทคโนโลยีบล็อกเชนและสินทรัพย์ดิจิทัล ประกาศขยายความร่วมมือกับ WalletConnect แพลตฟอร์มชั้นนำในการเชื่อมต่อกระเป๋าเงินดิจิทัลกับแอปพลิเคชันแบบกระจายอำนาจ (dApps) โดยมีเป้าหมายเพื่อเสริมสร้างองค์ความรู้และเพิ่มความปลอดภัยของกระเป๋าเงินดิจิทัลในอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัล WalletConnect เป็นแพลตฟอร์มสินทรัพย์ดิจิทัลรายใหญ่ที่ส่งเสริมการเชื่อมต่อกระเป๋าเงินดิจิทัลกับ dApps โดยมีจุดแข็งในการยกระดับความปลอดภัยด้วยการปกปิด Private Key ของผู้ใช้งาน พร้อมมีการใช้งานมากกว่า 48 ล้านกระเป๋าเงินดิจิทัลและมีแอปพลิเคชันกว่า 67,000 แอปบนแพลตฟอร์ม นายสุกฤษฏิ์ พุทธวิริยะ ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ แล็บส์ จำกัด กล่าวว่า “ความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นความก้าวหน้าที่สำคัญในการสนับสนุนการเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินของ Web3 ในวงกว้าง โดย WalletConnect มีศักยภาพที่โดดเด่นในการเป็นแพลตฟอร์มการชำระเงินสำหรับผู้ใช้งาน DeFi และชุมชนบล็อกเชนในไทย เราเชื่อว่าการร่วมมือกันครั้งนี้จะช่วยเพิ่มความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการทำธุรกรรมแบบกระจายอำนาจ (Decentralized Transactions) ในไทย และ Bitkub Academy จะร่วมสนับสนุนข้อมูลความรู้เกี่ยวกับ DeFi และบล็อกเชน เพื่อเสริมสร้างศักยภาพให้บุคคลทั่วไปสามารถใช้บริการทางการเงินได้หลากหลายของ WalletConnect ที่อยู่บนบล็อกเชน” นายอรรถกฤต ชิมผลาพิบูลย์ ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด กล่าวว่า “Bitkub Exchange ในฐานะศูนย์ซื้อขายแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลชั้นนำของไทย ภายใต้การกำกับดูแลของ ก.ล.ต. มุ่งส่งเสริมให้คนไทยเข้าถึงองค์ความรู้สำคัญในระบบนิเวศบล็อกเชน เราเชื่อว่าความรู้ความเข้าใจในเรื่อง Web3 เป็นสิ่งสำคัญในการเพิ่มการเข้าถึงการเงินแบบกระจายอำนาจ เราจึงมุ่งเตรียมความพร้อมของคนไทยให้สามารถปรับตัวสำหรับการเงินรูปแบบใหม่ในอนาคต ด้วยข้อมูลความรู้ของ WalletConnect ที่ครอบคลุมทั้งในเรื่องกระเป๋าเงินดิจิทัล โปรโตคอลการเชื่อมต่อ และสมาร์ทคอนแทรกต์บนบล็อกเชน เราเชื่อว่า WalletConnect จะร่วมช่วยขับเคลื่อนรูปแบบการชำระเงินของ Web3 ในอนาคต” Pedro Gomes ผู้ก่อตั้งและผู้อำนวยการ WalletConnect Foundation กล่าวเสริมว่า “ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมบนบล็อกเชนที่น่าจับตามองและเติบโตอย่างรวดเร็ว เราภูมิใจที่ได้ร่วมมือกับ Bitkub Exchange และ Bitkub Academy เพื่อสนับสนุนการนำเทคโนโลยีไปใช้ในวงกว้างผ่านการศึกษา โดยเราเชื่อว่าทุกคนควรเตรียมความพร้อมต่ออนาคตทางการเงินที่จะเปิดกว้างและครอบคลุมมากขึ้น ซึ่งความรู้และเครื่องมือที่ปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการยกระดับศักยภาพของผู้ใช้งาน” คำเตือน: คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจำนวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ — — — — — — — — — — — — — — Bitkub Exchange and Bitkub Academy announce partnership with WalletConnect to drive DeFi education and digital wallet connectivity in Thailand Bangkok, Thailand — 9 July 2025 — Bitkub Online Co., Ltd., the operator of Bitkub Exchange, a leading digital asset exchange in Thailand, and Bitkub Labs Co., Ltd., the operator of Bitkub Academy, the leading hub for blockchain technology and digital assets education, announced a strategic partnership with WalletConnect, a leading platform for connecting wallets to decentralized applications, aiming to expand knowledge and increase wallet security in the digital asset industry. WalletConnect is the connective layer for the financial internet. With over 48 million unique active wallets and 67 thousand apps on its platform, WalletConnect is a significant partner for Bitkub to boost awareness of the web3 payment ecosystem among the Thai blockchain community. Through educational content covering digital wallets, their connectivity protocols, and smart contracts on the blockchain, the collaboration aims to further WalletConnect’s presence in Thailand. Sugrit Phutaviriya, Co-founder and Chief Executive Officer of Bitkub Labs Co., Ltd, said, “This partnership marks a significant progress towards supporting the interconnectivity in the broader Web3 financial infrastructure. As WalletConnect is a prominent DeFi consumer payment platform, we trust that this collaboration will increase the Thai community’s awareness of decentralized transactions. Bitkub Academy will provide extensive knowledge on DeFi and blockchain, to empower individuals to employ a wide range of financial services provided by WalletConnect on the blockchain.” Atthakrit Chimplapibul, Co-founder and Chief Executive Officer of Bitkub Online Co. Ltd., added, “Bitkub Exchange, as Thailand’s №1 digital assets platform, recognizes that Web3 knowledge is paramount in boosting access to decentralized finance. Thus, we continue to seek to provide essential education to Thai learners. Since eWalletConnect is backed by reputable ecosystem partners and institutions, we believe WalletConnect will shape the web3 payments landscape of the future.” Pedro Gomes, Founder and Director of WalletConnect Foundation, added, “Thailand is an exciting and fast-growing hub for on-chain innovation. We’re proud to partner with Bitkub Exchange and Bitkub Academy to support the next wave of adoption through education. At WalletConnect, we believe that empowering users with knowledge and secure tools is essential to building a more open and inclusive financial future.” Disclaimer: Cryptocurrency and digital tokens involve high risks; investors may lose all investment money, and should study information carefully and make investments according to their own risk profile. Bitkub Exchange และ Bitkub Academy ประกาศความร่วมมือ WalletConnect… was originally published in Bitkub.com on Medium, where people are continuing the conversation by highlighting and responding to this story.