บทความ
สิ่งที่ควรและไม่ควร สำหรับการซื้อขายเหรียญดิจิทัล
โลกของการลงทุน มีปัจจัยที่เป็นความเสี่ยงมากมาย ไม่ว่าจะเป็นความผันผวนของราคา กระแสของตลาด หรือแม้แต่ความเสี่ยงที่เกิดจากตัวนักลงทุนเอง โดยเฉพาะการลงทุนในตลาดเหรียญดิจิทัลที่เป็นตลาดที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ความเสี่ยงที่มีจึงมากตาม ดังนั้นเพื่อเสริมสร้างความปลอดภัยให้กับการลงทุนเรามาดูกันว่าสิ่งใดที่เราควรหลีกเลี่ยงอะไร และสิ่งใดที่เราควรปฏิบัติตามในการซื้อขายเหรียญดิจิทัล
สิ่งที่ไม่ควรทำ
1. เก็บเหรียญในกระเป๋าเงินออนไลน์
สำหรับการเก็บเหรียญดิจิทัล เราสามารถเลือกใช้กระเป๋าเงินหรือ Wallet ได้ 2 แบบ อย่างแรกคือ Hot Wallet ซึ่งหมายถึงกระเป๋าเงินที่มีการเชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ตตลอดเวลา ซึ่งมักจะเป็นพวก Software หรือโปรแกรมสำหรับจัดเก็บเหรียญดิจิทัลนั่นเอง ซึ่งแน่นอนว่าโปรแกรมพวกนี้มักจะมีระบบป้องกันความปลอดภัยที่ไว้ใจได้ในระดับหนึ่งอยู่แล้ว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าความเสี่ยงเกี่ยวกับการถูกแฮกจะหายไป ไม่ว่าจะเกิดขึ้นจากฝั่งผู้ให้บริการหรือตัวผู้ใช้เองก็ตาม
ดังนั้นถ้าคุณมีเหรียญดิจิทัลมูลค่าสูงๆ คุณควรพิจารณาหากระเป๋าเงินอีกแบบหนึ่ง นั่นก็คือ Cold Wallet หรือกระเป๋าเงินที่ไม่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตตลอดเวลา อย่างเช่น Trezor หรือ Ledger nano ซึ่งอาจใช้งานยุ่งยากกว่า Hot Wallet อยู่บ้าง แต่แลกมาด้วยความปลอดภัยที่สูงกว่า ระวังอย่าทำหายล่ะ!
2. เฝ้าหน้าจอตลอดเวลา (ยกเว้นนักเทรดมืออาชีพ)
หากคุณเป็นอีกคนที่มีบัญชีซื้อขายเหรียญดิจิทัลและหวังเก็งกำไรจากความผันผวนของราคา บางครั้งมันก็อาจหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่คุณจะรู้สึกเป็นกังวลว่าเหรียญที่คุณลงทุนไปราคาจะตกไหมหรือราคานี้ควรขายหรือยัง สิ่งที่คุณควรทำคือวางตารางเวลาให้เหมาะสม จัดแผนการเทรดให้ดี คุณอาจให้เวลากับการซื้อขายเพียงวันละ 1–2 ชั่วโมง ส่วนเวลาที่เหลือคุณก็เอาไปให้กับครอบครัว งานอดิเรก หรืออะไรก็ได้ เพื่อไม่ให้ใจคุณจดจ่อกับการซื้อขายมากเกินไปจนไม่เป็นอันทำอะไร จำไว้การเทรดห้ามใช้อารมณ์!
3. ทุ่มหมดหน้าตัก
คุณอาจเห็นข่าวเกี่ยวกับการที่บางคนเอาเงินไปลงทุนกับเหรียญดิจิทัลและกลายเศรษฐีในช่วงเวลาสั้นๆ มันอาจฟังดูน่าดึงดูดก็จริง แต่คุณก็ควรตระหนักว่าราคาขึ้นได้ มันก็ลงได้ ยิ่งขึ้นแรงก็ลงแรง เพราะฉะนั้น หากคุณจะเข้ามาลงทุนกับเหรียญดิจิทัล คุณควรจัดสรรเงินทุนของคุณให้เหมาะสม โดยอาจทะยอยซื้อเป็นสัดส่วน 1%–10% และกระจายออกไปในหลายๆสินทรัพย์หรือที่เรียกว่าการกระจายความเสี่ยงนั่นเอง
4. ใช้รหัสผ่านซ้ำๆ
รหัสผ่านในที่นี้หมายถึงรหัสผ่านที่คุณใช้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นโซเชียลมีเดีย อีเมล รหัสเข้าคอม ไปจนถึงโปรแกรมเทรด หากคุณใช้รหัสผ่านโปรแกรมเหล่านี้เป็นรหัสเดียวกันหมด ก็หมายความว่าหากโปรแกรมใดโปรแกรมหนึ่งถูกแฮค ทุกบัญชีของคุณก็จะเสี่ยงไปด้วยทันทีแม้จะอยู่ต่างโปรแกรมกัน ดังนั้นคุณจึงควรที่จะสร้างรหัสผ่านที่แตกต่างกันไป โดยเฉพาะบัญชีที่มีความสำคัญสูงอย่างโปรแกรม ซึ่งคุณอาจใช้โปรแกรมอย่าง Lastpass หรือ Onepass ช่วยจัดการรหัสผ่านที่หลากหลายของคุณ หรือใช้วิธีเรียบง่ายอย่างการจดบันทึกลงไปในสมุดโน๊ตก็ได้
5. ใช้ความรู้สึกตัดสิน
ความรู้สึกของมนุษย์เป็นสิ่งที่เอาแน่นอนเอานอนไม่ได้ โดยเฉพาะกับการเทรด ซึ่งบางครั้งเราอาจมีความรู้สึกประมาณ “เดี๋ยวราคาก็ขึ้นอีก อย่าเพิ่งขายดีกว่า” หรือ “เหรียญนี้น่าซื้อ” เป็นต้น ซึ่งความรู้สึกแบบที่ไม่มีเหตุผลมารองรับเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่งในการเทรด สิ่งที่ควรทำคือวางแผน เช่น สมมติว่าคุณเข้าซื้อเหรียญที่ราคา 100 บาท คุณควรวางแผนว่าระดับราคาใดที่คุณควรขายทำกำไร หรือระดับราคาใดที่คุณควรยอมแพ้และขายตัดขาดทุนไป เช่น หากราคาลงมามากกว่า 5% คุณจะสั่งขายทันทีโดยไม่ลังเล นอกจากนี้ คุณก็ควรศึกษาเบื้องหลังของเหรียญที่คุณจะซื้อให้ดี เช่น องค์กรไหนเป็นผู้สร้างโปรเจ็คต์นี้ โปรเจ็คต์นี้มีประโยชน์อย่างไร และพวกเขามีแผนสำหรับอนาคตอย่างไร เป็นต้น
สิ่งที่ควรทำ
ตรวจสอบว่าอุปกรณ์ที่ใช้นั้นปลอดไวรัส
แน่นอนว่าไม่มีใครต้องการให้อุปกรณ์ที่ตัวเองใช้อยู่ติดไวรัสหรือ Malware ทั้งหลาย แต่บางครั้งมันก็เป็นเหตุสุดวิสัย ไม่ว่าคุณจะเผลอเข้าเว็บไซต์ที่ไม่ปลอดภัย หรือเผลอกดลิ้งค์ที่ถูกส่งมาให้ในอีเมลล์ ซึ่งไวรัสพวกนี้ ยิ่งเทคโนโลยีพัฒนาไปมากแค่ไหน พวกมันก็จะพัฒนาตามมาติดๆ ไม่ว่าจะเป็นพวก Ransomware หรือไวรัสเรียกค่าไถ่ ที่จะมาปิดสิทธิ์การเข้าถึงข้อมูลในอุปกรณ์ของคุณและเรียกค่าไถ่เป็นเงินดิจิทัล หรือพวก Tracker ที่คอยติดตามและบันทึกข้อมูลการทำธุรกรรมรวมถึงการใส่รหัสผ่านบนอุปกรณ์ของคุณ
การป้องกันไวรัสเหล่านี้ นอกจากการระวังไม่เข้าเว็บไซต์หรือลิ้งค์ที่ไม่น่าไว้ใจ คุณสามารถใช้โปรแกรมประเภท Anti-virus ที่มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการของอุปกรณ์ หรือโปรแกรม Anti-virus ที่มีเลือกดาวน์โหลดบนอินเทอร์เน็ต อย่าง Avira, McAfee หรือ Malwarebyte
2. ติดตามข่าวสารสม่ำเสมอ
ข้อมูลคือสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าคุณจะทำอะไร ไม่เว้นแม้แต่การเทรด คุณสามารถติดตามข่าวสารเกี่ยวกับเหรียญดิจิทัลและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องได้จากเว็บไซต์อย่าง Cointelegraph, Coindesk, หรือเว็บคนไทยอย่าง Siamblockchain รวมถึงข่าวสารเศรษฐกิจทั่วไปจากเว็บ Reuters หรือ CNBC เป็นต้น หรือหากคุณสนใจที่จะรับสรุปข่าวสารในรูปแบบของ Podcast ก็มีช่องทางให้เลือกหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นช่องบน Youtube อย่าง Crypto Casey, หรือ Altcoin Daily เป็นต้น
3. ใช้บริการเว็บซื้อขายที่ได้มาตรฐาน
เมื่ออุตสาหกรรมเหรียญดิจิทัลเริ่มเติบโตเป็นวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ ย่อมมีคนจำนวนมากขึ้นที่ต้องการเข้ามามีส่วนร่วม จึงเกิดเป็นเว็บไซท์สำหรับซื้อขายเหรียญดิจิทัลขึ้นมากมายบนอินเทอร์เน็ต แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่า เว็บไซท์นั้นๆมีระบบรักษาความปลอดภัยและเชื่อถือได้ อย่างแรกเลยที่ต้องดูก็คือเรื่องของใบอนุญาตประกอบการ ซึ่งหน่วยงานของภาครัฐจะมอบให้กับองค์กรที่มีตัวตน มีความเชี่ยวชาญจริง และมีการจดทะเบียนอย่างถูกต้องเท่านั้น
Bitkub เป็นกระดานซื้อขายเหรียญดิจิทัลที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับทรัพย์สินดิจิทัลได้อย่างเป็นทางการจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ก.ล.ต.) จดทะเบียนอย่างถูกต้องด้วยทุนจดทะเบียน 80 ล้านบาท มีสินทรัพย์ดิจิทัลให้เลือกมากกว่า 34 รายการ Bitkub จึงเป็นผู้ให้บริการแลกเปลี่ยนเหรียญดิจิทัลที่มีสภาพคล่องสูงที่สุดในประเทศไทย เริ่มเทรดกับ Bitkub ได้แล้ววันนี้ ทั้งบน PC และสมาร์ทโฟนระบบ iOS หรือ Android
สมัครเลยที่: https://www.bitkub.com/
ที่มา:
Medium